ยักษ์อีเว้นท์ลุยผุดบริษัทร่วมทุน ซีเอ็มผนึกดรีมบ๊อกซ์รุกละครเพลง


ผู้จัดการรายวัน(26 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ในตลาดออร์กาไนเซอร์หรือผู้รับงานจัดอีเว้นท์ในไทยมีรายใหญ่ที่เป็นที่รู้จักกันไม่กี่ราย และแน่นอนว่า 3 รายในตลาดนั้นต้องมีชื่อของ ซีเอ็ม, อินเด็กซ์ และปิโก้ อยู่ด้วย

ทว่าแม้จะเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอีเว้นท์ แต่การอยู่นิ่งเฉยก็เท่ากับเป็นการถอยหลังในขณะที่ผู้อื่นก้าวหน้าไม่หยุด พร้อมกับตลาดที่ไม่ได้เติบโตมากนัก จากปัจจัยลบทั้งหลาย ดังนั้นในช่วงนี้จึงมองเห็นถึงการดิ้นรนปรับตัวของแต่ละค่าย เพื่อที่จะเสาะแสวงหาโอกาสใหม่ๆในการทำตลาดเพื่อสร้างรายได้มากขึ้น

ทั้งนี้ตลาดอีเว้นท์ในไทยคาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วตลาดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20% แต่ปีนี้คาดว่าจะไม่เติบโตมากเท่าปีที่แล้วหรืออย่างต่ำสุดก็ทรงตัว

นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) หรือซีเอ็ม กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า การขยายธุรกิจในไทยปีนี้ มีต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมกันพันธมิตรคือ ดรีมบ๊อกซ์ หรือโรงละครกรุงเทพ เพื่อรวมกันจัดตั้งกิจการร่วมค้า “ดรีมบ๊อกซ์ ซีเอ็ม เอนเตอร์เทนเม้นท์” ขึ้นมา โดยแบ่งการถือหุ้นฝ่ายละ 50% เท่ากัน

จุดประสงค์เพื่อรุกตลาดบันเทิง โดยเฉพาะเซ็กเม้นท์ ละครเพลง ที่เป็นสิ่งใหม่ของวงการบันเทิงไทย แต่มีแนวโน้มที่สดใส โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีการแสดงประมาณ 3 เรื่องต่อปี ซึ่งกิจการนี้จะเป็นธงนำของเราในอนาคตในการรุกตลาดบันเทิงอย่างจริงจัง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทำมาบ้างแล้วในรูปแบบของการจัดคอนเสิร์ต ผลงานที่ทำมาแล้วในนามของซีเอ็มเช่น เทสกาลหัวหินแจ๊สทีจัดทุกปี ปีนี้เพิ่งจบไปเอง

ส่วนธุรกิจในต่างประเทศ ที่ได้ตั้งบริษัทร่วมทุนในเขมรกับพันมิตรตั้งบริษัท บายอนซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด เพื่อทำธุรกิจรับจัดงานในกลุ่มตลาดไมซ์ งานอีเว้นท์ระดับชาติ และงานไลท์แอนด์ซาวน์ เป็นหลัก โดยซีเอ็มถือหุ้นใหญ่ 75% ก็ยังทำธุรกิจต่อเนื่อง พร้อมกับมีแผนที่จะขยายการตั้งสำนักงานในเอเชียเพิ่มอีกด้วย

ขณะที่ค่ายอินเด็กซ์นั้น นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเว้นท์ เอเจนซี่ จำกัด (มหาชน) กล่าว่า ในปีนี้บริษัทฯได้ขยายธุรกิจด้วยการตั้งบริษัทใหม่อีก 2 แห่ง เป็นกราร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อรุกตลาดอีเว้นท์ในรูปแบบอินเทอร์แอคทีฟให้มีความสมบูรณ์และครบวงจรมากขึ้น ซึ่งเทรนด์การเป็นอินเทอร์แอคทีฟมีเดียเอเจนซี่นั้นเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในขณะนี้ เช่นที่เกิดขึ้นแล้วในอเมริกา ยุโรป และเอเชียก็เริ่มแล้ว ขณะเดียวกันการทำธุรกิจอีเว้นท์อย่างเดียวนั้นจะอยู่ลำบากมากขึ้นในตลาดที่แข่งขันรุนแรง

โดยบริษัทใหม่ 2 แห่งที่ก่อตั้งขึ้นมาคือ บริษัท อินสไพร์ อิมเมจ จำกัด แบ่งการถือหุ้นเป็น อินเด็กซ์ 60% และพันธมิตร 40% 2.บริษัท ทรีอาร์ดี จำกัด แบ่งการถือหุ้นโดยทางอินเด็กซ์ถือหุ้น 50% เท่ากับพันธมิตร เพื่อทำธุรกิจไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง ซีอาร์เอ็ม เทเลไดเร็ค เป็นต้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการรวมกับบริษัทในเครืออีก 7 แห่ง รวมเป็น 9 แห่ง และผลักดันให้มีการเติบโตขึ้นถึง 20%

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบริษัท แอสเพน อินเด็กซ์ จำกัด ที่ร่วมกับพันธมิตรในดูไบก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อปีที่แล้ว นายเกรียงไกรเคยกล่าวไว้ไม่นานนี้ว่า ขณะนี้ชะลอการรับงานออกไปก่อน เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับรูปแบบการดำเนินงานใหม่ เพราะการทำงานเดิมไม่สามารถขยายธุรกิจได้เท่าที่ควร ขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนที่จะรุกต่างประเทศมากขึ้น โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการศึกษาในตลาดเวียดนาม
ทางด้านค่ายปิโกอีกรายหนึ่งในแถวหน้าออร์กาไนเซอร์เมืองไทย

นายพิเสฐ จึงแย้มปิ่น ประธานกรมการบริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการขยายธุรกิจของบริษัทฯในตลาดอีเว้นท์จะใช้วิธีการจับมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในแต่ละแขนงนั้นตั้งบริษัทใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร่วมกับกลุ่มบีอีซีเวิลด์ ตั้งบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็กซ์ซิบิชั่น จำกัด เพื่อรับงานแสดงสินค้า โดยบริษัทฯถือหุ้น 30% บีอีซีฯถือหุ้น 51% โดยงานแรกที่จัดขึ้นคือ “World for Women” เมื่อปลายปีที่แล้ว

แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ร่วมทุน เปิดเผยว่า หลังจากจบการร่วมมือกันจัดงานแรกไปเมื่อปีที่แล้วคือ “World for Women” ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่จะจัดงานอื่นขึ้นมาอีก เพราะงานแรกที่จัดไปนั้นไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งอาจจะเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวย และเริ่มมีผลกระทบจาการเมืองที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงในช่วงนั้น จึงต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้งก่อนที่จะทำอะไรต่อไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.