|
แอลแอนด์อีคึกขยับเป้ารายได้ตลาดหลอดไฟส่อเค้าสว่างโร่
ผู้จัดการรายวัน(25 มิถุนายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
"แอล แอนด์ อี" รับอานิสงส์ การเมืองส่อเค้าดีขึ้น เหตุกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมมั่นใจโหมการลงทุน ส่งผลตลาดหลอดไฟโครงการครึ่งปีหลังพุ่งสูงขึ้น มั่นใจสิ้นปีรายได้ขยับ 10% จาก 1,550 ล้านบาท ตามเป้าใหม่ที่วางไว้
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านหลอดไฟและโคมไฟ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ครึ่งปีแรกนี้ยอมรับว่ามียอดขายต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการเมืองและเศรษฐกิจ อีกส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทฯลงทุนเครื่องจักรใหม่ไปกว่า 112 ล้านบาท ทำให้ผลิตสินค้าตามออเดอร์สินค้าได้ไม่มากนัก
อย่างไรก็ตามสำหรับเครื่องจักรใหม่ บริษัทฯได้ทำการติดตั้งแทนเครื่องจักรเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่โรงงาน แอล แอนด์ อี แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บนถนนแจ้งวัฒนะ คาดว่าต้นเดือนกรกฏาคม2550 จะเริ่มกำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเครื่องจักรชุดใหม่นี้ จะมีกำลังการผลิตมากกว่าของเดิมถึง 1 เท่าตัว จากเดิมที่มีกำลังการผลิตหลอดไฟและโคมอยู่ที่ 1.5 ล้านชิ้นต่อเดือน ต่อไปจะสามารถผลิตได้ถึง 3 ล้านชิ้นต่อเดือน
"การที่บริษัทฯ ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยอมรับว่ากระทบด้านยอดขายบ้างเล็กน้อย แต่หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าครึ่งปีหลังนี้จะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยมีปัจจัยมาจากความมั่นใจทางด้านการเมืองที่น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมไปถึงการที่บริษัทฯสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าได้อย่างเต็มที่"
ล่าสุดสำหรับแผนการทำตลาดครึ่งปีหลังต่อจากนี้ บริษัทฯจะมุ่งเน้นในเรื่องของการขยายฐานร้านค้าตัวแทนจำหน่าย จาก 3,000 ราย ให้ได้มากที่สุด โดยมีแนวคิดเพิ่มจำนวนพันธมิตรทางการค้า โดยเฉพาะร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าอยู่หลายแบรนด์ ทางบริษัทฯจะเจรจาให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตร โดยจะมีการลงทุนจัดโชว์รูมให้ใหม่ เบื้องต้นตั้งเป้าไว้ 6-8 แห่งในปีนี้ ในส่วนของต่างจังหวัด ซึ่งแต่ละโชว์รูมคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3-7 แสนบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละโชว์รูม ส่วนในกรุงเทพฯนั้น มีอยู่แล้ว 2 โชว์รูม ซึ่งเป็นของบริษัทฯเอง คือ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และบนถนน ศรีอยุธยา
นอกจากขยายฐานร้านค้าตัวแทนจำหน่ายแล้ว ในส่วนของลูกค้าในกลุ่มโครงการ ครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากครึ่งปีแรกเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เป็นไปตามปกติ หากแต่ในปีนี้จากการที่เพิ่มกำลังการผลิต และสภาพการเมืองที่คาดว่าจะดีขึ้น คาดว่าสัดส่วนรายได้จากลูกค้าโครงการครึ่งปีหลังนี้ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อาจจะสูงกว่าเล็กน้อย หรือทั้งปี รายได้จากกลุ่มลูกค้าโครงการคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65 % จากปกติอยู่ที่ 60 %
นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มลูกค้าโครงการครึ่งปีหลังนี้ ถึงแม้ว่าสภาพการเมืองจะดูดีขึ้นก็ตาม แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะมีลูกค้าโครงการในกลุ่มราชการเข้ามาแต่อย่างไร โดยกลุ่มที่มีเข้ามามากขึ้นยังคงเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ในกลุ่มโรงแรม รีสอร์ท คอนโดมิเนียมระดับหรู แถวชายทะเลแถบภาคใต้มากกว่า ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละโครงการที่ได้มานั้น ส่วนใหญ่จะมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 1-10 ล้านบาท และเมื่อเทียบทั้งปี ส่วนใหญ่ลูกค้าในกลุ่มโครงการ จะมีมูลค่าโครงการอยู่ในระดับนี้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแต่ละปีจะมีมากกว่า 100 โครงการ และเป็นโครงการในระยะเวลาสั้นๆเป็นหลัก
ส่วนการส่งออกนั้น จากที่บริษัทฯเพิ่งเริ่มต้นในเรื่องของการส่งออก ทำให้ในปีนี้ยังมีสัดส่วนรายได้การส่งออกน้อยอยู่เพียง 2 % เท่านั้น โดยเป็นการส่งออกในกลุ่มอาเซียนเป็นหลัก รวมไปถึงในเอเชียและในทวีปยุโรปด้วย แต่หลังจากนี้บริษัทฯจะให้ความสำคัญในการส่งออกมากยิ่งขึ้น เพราะมีความพร้อมในส่วนของกำลังการผลิตไว้เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามในส่วนของยอดขายในปีนี้ จากเดิมที่บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 10-15 % แต่เนื่องจากมีการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ส่งผลให้รายได้ครึ่งปีแรกเติบโตไม่มาก ทำให้ต้องมีการปรับเป้าใหม่ลดลงเหลือเพียง 10 % จาก 1,550 ล้านบาท แบ่งได้เป็น ตลาดโครงการ 65%, ขายตรงและขายปลีก 33% และส่งออกอีก 2 %
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|