ไทยแอร์เอเชียเร่งใช้หนี้แบงก์


ผู้จัดการรายวัน(22 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ไทยแอร์เอเชีย สลัดคราบเทมาเส็กหลังผนึก 6 ผู้บริหาร ซื้อหุ้นคืน แอ่นอก รับคำพิพากษาอัยการเสียค่าปรับให้แก่กรมการขนส่งทางอากาศ พร้อมเรียกขวัญพนักงานและลูกค้ากลับคืน ระบุ การเมืองทำยอดขายสั่น จองล่วงหน้าหดเหลือ 3 เดือน “ทัศพล”ประกาศจัดทัพพร้อมรบ เร่งหาเงินใช้คืนหนี้ สวิสแบงก์ วางแผนนำไทยแอร์เอเชียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 3 ปีข้างหน้า ลบภาพนอมินี

นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า คณะผู้บริหารทั้ง 6 คนของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ได้ร่วมลงนามซื้อหุ้นจากบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเงินที่ซื้อหุ้นได้มาจากการกู้เงินจากธนาคารเครดิตสวิส เป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 ล้านบาท สัญญาใช้คืนภายในเวลา 5 ปี โดยส่วนหนึ่ง ได้นำไปซื้อหุ้นคืน และ อีกส่วนหนึ่งบริษัทได้กันไว้สำหรับใช้คืนดอกเบี้ยธนาคารเครดิตสวิส

ทั้งนี้แผนดำเนินงานของบริษัทนับแต่นี้ไป ในกรอบใหญ่ยังคงเดินหน้าตามเดิมทุกประการ คือ ทั้งเรื่องการขยายเส้นทางการบินไปต่างประเทศ การสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส 40 ลำ ตลอดจนกลยุทธ์ทางการตลาดในด้านต่างๆ โดยเราตั้งมั่นว่าจะทำงานเชิงรุกให้หนักมากขึ้น เพื่อให้ผลประกอบการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คือ ในปีนี้ ต้องมีรายได้ 4.5-4.8 พันล้านบาท โดยขนผู้โดยสารให้ได้ 4.2 ล้านคน และมีกำไรสุทธิ 150-200 ล้านบาท ส่วนในปีหน้า จะต้องขนผู้โดยสารให้ได้ 5 ล้านคน มีรายได้กว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้ผลกำไรเติบโตขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้ผลกำไรจะมากหรือน้อยต้องขึ้นกับตัวแปรสำคัญคือราคาน้ำมันซึ่งคิดเป็น 40-50% ของต้นทุนการบิน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี จะใช้คืนหนี้ทั้งหมดให้แก่ธนาคารเครดิตสวิส

โดยนำบริษัทไทยแอร์เอเชียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนมาใช้หนี้ ดังกล่าว แต่แนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดเบื้องต้น ซึ่งการหาเงินมาชำระหนี้ของไทยแอร์เอเชียอาจมีหลายแนวทางแล้วแต่ความเหมาะสมในขณะนั้นๆ ซึ่งเรามั่นใจว่า จะสามารถหาเงินมาใช้คืนธนาคารเครดิตสวิส

ภายในกำหนดหรือก่อนกำหนดได้อย่างแน่นอน ซึ่งการระดมทุนในตลาดฯเป็นเรื่องที่ดี เพราะ จะได้กระจายหุ้นให้แก่คนไทย และภาพนอร์มินีของไทยแอร์เอเชียก็จะหายไปด้วย

แอ่นอกเสียค่าปรับ

นอกจากนั้น บริษัทยังพร้อมที่จะเสียหาปรับให้แก่กรมขนส่งทางอากาศ ในเรื่องของการผิดระเบียบการบิน ในครั้งที่มีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปให้แก่กองทุนเทมาเส็ก จนทำให้ไทยแอร์เอเชียผิดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนบริษัท ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดคาดว่าภายใน 3-4 เดือนน่าจะรู้ผล ว่า จะต้องเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนเท่าใด

“เราเตรียมเงินที่จะเสียค่าปรับไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งน่าจะหลายสิบล้านบาท ขึ้นอยู่กับว่า ทางอัยการจะสั่งปรับเป็นเงินเท่าใด เพราะตามกฏการบินหากละเมิดจะเสียค่าปรับสูงสุดเที่ยวบินละ 4,000 บาท ซึ่งชินคอร์ปเป็นบริษัทในตลาดมีการเทรดทุกวัน ดังนั้นสัดส่วนคนไทยถือหุ้นในแต่ละวันอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ แต่มั่นใจว่า อัยการจะไม่เหมาปรับทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่ผิด เพราะเราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำผิด”

ปัญหาเยอะกระทบยอดขายตั๋ว

นายทัศพล กล่าวว่า การที่ผู้บริหารของบริษัทร่วมกันตัดสินใจซื้อหุ้นจากบริษัทเอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด ในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่พนักงานกว่า 1,200 คน และผู้โดยสารของไทยแอร์เอเชียทุกคน ซึ่งคณะผู้บริหารทั้งหมด ยินดีที่จะรับผิดและเคลียร์เรื่องเก่าๆทั้งหมด นับจากนี้ไปถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ของไทยแอร์เอเชีย ที่มีกลุ่มผู้ถือหุ้นเป็นคนไทย 51% ตามระเบียบทุกประการ

“ยอมรับว่า เหตุการ์ที่เกิดขึ้นกับไทยแอร์เอเชียที่ผ่านมา ส่งผลให้พนักงานและผู้ดดยสารเกิดความไม่มั่นใจ สังเกตุได้จากยอดจองตั๋วล่วงหน้าที่ลดลง จากปกติ บริษัทมียอดจองตั๋วล่วงหน้านานถึง 6 เดือน แต่เดี๋ยวนี้เหลือเพียง 2-3 เดือน เพราะผู้ดดยสารไม่มั่นใจว่าไทยแอร์เอเชียจะถูกสั่งปิดหรือไม่ แต่วันนี้ทุกอย่างเคลียร์แล้ว บริษัทพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป”

อย่างไรก็ตามกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องผู้ถือหุ้น และสถานการณ์ของบริษัท เราได้หารือกับสายการบินแอร์เอเซียที่ประเทศมาเลเซียมาโดยตลอด เพราะเขาถือหุ้นอยู่ 49% ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร และยอมรับการตัดสินใจของเราทุกอย่าง

ปีหน้าลุยจีนถัดไปลุยอินเดีย

นายทัศพล กล่าวอีกว่า ในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทจะเริ่มทยอยรับมอบเครื่องบินจากแอร์บัส ซึ่งล็อตแรกจะส่งมอบ 3 ลำ จากนั้นในปีหน้าจะทยอยส่งมอบเฉลี่ย 2 เดือนต่อ 1 ลำ คาดว่า 5 ปี ส่งมอบได้ทั้งหมด 40 ลำ ส่วนเครื่องโบอิ้งที่เรามีอยู่ 13 ลำขณะนี้ จะทยอยส่งคืนบริษัทภายใน 2 ปี นับจากปีหน้า สำหรับการซื้อเครื่องแอร์บัสใหม่นี้ บริษัทใช้สัญญาเช่าซื้อ โดยจะนำเงินรายได้ส่งจ่ายให้แก่แอร์บัสทุกเดือน และบริษัทจะใช้ความใหม่ของเครื่องบินเป็นจุดขายที่สำคัญ เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันในตลาด ที่ใช้เครื่องบินเก่า ส่วนเส้นทางบิน ยังไม่ขยายเส้นทางในประเทศ แต่ปีนี้ถึงปีหน้าจะโฟกัสเส้นทางไปประเทศจีนตอนใต้ โดยเดือนหน้าจะเปิดเส้นทาง กรุงเทพ- เสิ่นเจิ้น และปีหน้าจะเปิดอีก 4-5 เส้นทาง จากนั้นในปี 2552 จะเปิดเส้นทางไปประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.