หม่อมเต่าปั้นร้านอาหารรุกตปท.พร้อมขยายร้านเสื้อผ้า3แบรนด์ดัง


ผู้จัดการรายวัน(21 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

“หม่อมเต่า” ระบุธุรกิจครึ่งปีหลังต้องระวัง พร้อมรุกขยายธุรกิจไม่ยั้ง เตรียมขยายชอปธุรกิจเสื้อผ้า ร้านอาหารต่อยอดธุรกิจ พร้อมส่งแบรนด์น้องใหม่ เลม่อน เชอรี่ คาเฟ่ โกอินเตอร์ปีหน้า

ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล เจ้าของร้านออเรนเจอรี่ และ เลม่อน เชอรี่ คาเฟ่ เปิดเผยว่า จากนี้มีแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในเครือข่ายทั้งหมดและต่อยอดให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างแบรนด์ให้เพิ่มความแข็งแกร่งและติดตลาด

โดยในเบื้องต้นได้เตรียมแผนงานด้านการขยายตลาดของสินค้าแบรนด์เนมซึ่งธุรกิจดังกล่าวจะอยู่ในลักษณะการถือหุ้นและเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทต่างชาติจากประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งในปัจจุบันมีแบรนด์อยู่ 3 แบรนด์ประกอบด้วยแบรนด์ เซ็นซ่า (ZenZar) ที่กำลังจะขยายชอปเพิ่มที่ห้างสรรพสินค้า พารากอน ภายในช่วงระยะเวลาอีก 1-2 เดือน จากเดิมที่มีชอปอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนแบรนด์ที่ 2 และ 3 ราอู(Raul) และ เซอรีน จะมุ่งขยายชอปที่มีอยู่ทั้งเอ็มโพเรี่ยมและพารากอนด้วยเช่นกัน

นอกจากการทำตลาดธุรกิจเสื้อผ้าในแนวแฟชั่น ยังเตรียมสานต่อธุรกิจร้านอาหาร ต่อโดยคาดว่าปีนี้จะใช้งบการลงทุนรวมกว่า 100 ล้านบาท ขยายต่ออีก จากเดิมร้านออเรนเจอร์รี่ ซึ่งเปิดครบ 1 ปีแล้วบนพื้นที่ชั้น 4 สยามพารากอน ล่าสุดเพื่อต่อยอดการเปิดร้านอาหารให้ครอบคลุมได้เปิดสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์ ภายใต้แบรนด์ใหม่ “เลม่อน เชอรี่ คาเฟ่” ร้านอาหารแนวใหม่ ในรูปแบบ “นูดเดิ้ล บาย บลูเอเลเฟ่นท์” ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบลูเอเลเฟ่นท์ คุ๊กกิ้งสกูล แอนด์ เรสเทอรองท์ ถือหุ้นส่วน 50 – 50 % โดยก้าวต่อไปเตรียมขยายต่ออีก 2 สาขา คือ ออเรนเจอรี่ บาย เดอะ ซี ที่พัทยา และร้านเลม่อน เชอรี่ ที่ ศูนย์การค้า จังซีลอน จังหวัดภูเก็ต

นอกจากนี้งบลงทุนส่วนหนึ่งจะนำมาใช้เพื่อแตกแบรนด์ใหม่ เป็นร้านอาหารจับกลุ่มไฮเอนด์โดยเฉพาะ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาและดำเนินการอยู่คาดว่าจะสามารถเปิดได้ช่วงไตรมาส 4 ปี 2550 นี้ นอกจากจากการขยายสาขาในประเทศยังมีการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรเพื่อขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อไปยังประเทศ สิงค์โปร์ ฮ่องกง และประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะนำแบรนด์เลม่อน เชอรี่ คาเฟ่ ไปเปิดบริการและคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ช่วงปี 2551

“การเดินหน้าลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว หลังจากที่เคยเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่าการทำธุรกิจส่วนตัวที่ชื่นชอบจะมีความง่ายกว่าซึ่งเมื่อมองว่าการขยายธุรกิจร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยเสริมศักยภาพในการทำตลาดมากยิ่งขึ้น”

ม.ร.ว.จตุมงคล ยังกล่าวถึง สภาพเศรษฐกิจโดยรวมครึ่งปีหลังว่า น่าจะมีความระมัดระวังการทำตลาดมากขึ้น ใครที่มีธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์มากที่สุด เนื่องจากว่าสภาพการเมือง ราคาน้ำมัน ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นมาก ซึ่งสิ่งนี้เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนว่าตลาดจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.