ไพโอเนียร์บูมบลูเรย์ดิสก์เข็นยอดหวังกู้หน้าคืนเหตุปีที่แล้วพลาดเป้า


ผู้จัดการรายวัน(21 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ไพโอเนียร์ ลั่นกลองรบ ส่งเครื่องเล่นบลูเรย์ดิสก์ กรุยทางกระตุ้นตลาดสู่ระบบเทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่น มุ่งจับตลาดบนเป็นหลัก เปิดตัวไปแล้วในอเมริกา พร้อมเตรียมส่งทัพสินค้าเทคโนโลยีใหม่เจาะตลาดหลังเดือนตุลาคมอีกระลอก มั่นใจปีนี้รายได้ขยับขึ้น 10% จาก 1,600 ล้านบาท ที่พลาดเป้าไปกว่า 15% ของปีที่ผ่านมา

นายซาโตรุ คุโรซากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯได้พัฒนาเครื่องเล่นบลูเรย์ขึ้นมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังก้าวสู่ยุคไฮเดฟฟิเนชั่น โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่เดือนกรกฏาคมนี้เป็นต้นไป ในรุ่น BDP-LX70 เบื้องต้นจะวางจำหน่ายเฉพาะจุดประมาณ 30-40 แห่ง จากช่องทางทั้งหมดประมาณ 150 สาขา เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ในระดับบน และมีราคาค่อนข้างสูง คือ 69,950 บาท

“ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวสู่เทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่น เห็นได้จากหลายๆผู้ประกอบการกำลังเปิดตัวสินค้าที่มีเทคโนโลยีดังกล่าวขึ้นมารองรับกันไปบ้างแล้ว ดังนั้นทางบริษัทฯจึงได้หันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่นมากขึ้น โดยเริ่มจากตัวเครื่องเล่นบลูเรย์ เนื่องจากมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ต้นน้ำที่จะนำไปสู่การใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีเทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่นรองรับตามมา”

นายซาโตรุ กล่าวต่อว่า เทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่น ประเทศไทยถือว่ายังใหม่อยู่ และกำลังเริ่มเข้ามามีบทบาท แต่สำหรับต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาหรือญี่ปุ่นผู้บริโภครู้จักเทคโนโลยีนี้กันเป็นอย่างดี โดยทางไพโอเนียร์ ได้เปิดตัวเครื่องเล่นบลูเรย์ไปแล้วที่สหรัฐอมริกา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างสูง จนทำให้ตลาดเครื่องเล่นบลูเรย์ในสหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนความต้องการอยู่ที่ 57.5% มากกว่าเครื่องเล่นดีวีดีที่มีสัดส่วนเหลือเพียง 42.5% ขณะเดียวกันในส่วนของยอดขายของเครื่องเล่นบลูเรย์มากกว่าดีวีดีถึง 3 เท่า สำหรับในประเทศไทยนั้น ขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการบางรายเปิดตัวเครื่องเล่นบลูเรย์กันบ้างแล้ว ซึ่งถือว่าจะช่วยให้ตลาดเครื่องเล่นบลูเรย์โตขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าการที่บริษัทฯรุกตลาดเครื่องเล่นบลูเรย์ครั้งนี้ จะทำให้ผู้บริโภคเรียนรู้และเข้าใจกับเทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่นได้มากขึ้น โดยวางแผนไว้ว่า หลังเปิดตัวเครื่องเล่นบลูเรย์นี้ได้สักระยะหนึ่ง ทางบริษัทฯจะเริ่มเปิดตัวสินค้าที่รองรับเทคโนโลยีไฮเดฟฟิเนชั่นต่อไป ในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป เช่น พลาสม่าทีวี หรือโฮมเธียเตอร์ และลำโพง ผ่านงบประมาณในการทำตลาดไว้กว่า 40-50 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 150 ล้านบาทสำหรับทุกผลิตภัณฑ์

โดยงบการตลาดดังกล่าวนี้ถือเป็นจำนวนเงินที่ใช้เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังมองว่าสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา จึงต้องใช้งบการตลาดอย่างระมัดระวัง เนื่องจากปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้รวมต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ถึง 10-15% หรือเพียง 1,600 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเติบโตเพียง 10% เท่านั้น คาดว่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้

ปัจจุบันสินค้าของไพโอเนียร์ เมื่อเทียบกับคู่แข่งถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง โดยในหมวดโฮมเธียเตอร์ ยังคงครองความเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 25% ส่วนเครื่องเล่นดีวีดี หลังสินค้าจากจีนและไต้หวันเข้ามาทำตลาด ส่งผลให้ไพโอเนียร์มีส่วนแบ่งในตลาดเหลือเพียง 10% สำหรับพลาสม่าทีวี เนื่องจากมีราคาสูง และจับตลาดบนอย่างเดียว จึงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียง 5% ขณะที่เครื่องเสียงรถยนต์ ยังคงเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่ง 40-50%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.