โดโซะทุ่ม120ล.แย่งตลาดคุ๊กกี้


ผู้จัดการรายวัน(19 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ฯ อัดฉีด 120 ล้านบาท ปลุกตลาดข้าวอบกรอบหดตัวให้คึกคัก ยกเครื่องโดโซะครั้งใหญ่รอบ 5 ปี ปรับภาพลักษณ์ตำแหน่งตลาดใหม่ ลุยฟังก์ชันนัลชิงแชร์ตลาดคุ๊กกี้ เวเฟอร์ ดึงเคน-ธีรเดชขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ ปีหน้าตลาดขยับ 660 ล้านบาท ชี้เทรนด์สแนกเพื่อสุขภาพมาแรง โอดพิษการเมืองกระทบตลาดอาหาร สิ้นปีกลุ่มฟู้ดส์ตั้งเป้าโต 12% กวาด 2,000 ล้านบาท

นายสุรัตน์ ผู้บังเกิดผล ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวอบกรอบไรซ์ แครกเกอร์โดโซะ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับภาพลักษณ์ข้าวอบกรอบโดโซะครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี โดยได้ปรับตำแหน่งการตลาดจาก “ขนมเพื่อแบ่งปันให้กับทุกคนในครอบครัว” มาเป็น “ เพื่อนรองท้องที่ดีที่สุด เหมาะกับการพกพาไปได้ทุกที่เวลาหิว” พร้อมกันนี้ยังได้ปรับแพกเกจจิ้งใหม่ โดยมีการนำภาพอาหารและความเป็นธรรมชาติ เพื่อสื่อถึงตำแหน่งการตลาดใหม่ และเพื่อความสดใสทันสมัยสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอายุระหว่าง 19-25 ปี แตกต่างจากกลุ่มเป้าหมายเดิมที่วางไว้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่

สำหรับแนวทางการตลาดบริษัทฯเน้นด้านฟังก์ชันนัลมาร์เก็ตติ้ง จากเดิมเน้นอีโมชันนัลเป็นหลัก โดยจากการสำรวจพบว่า มีกลุ่มเป้าหมายโดโซะบริโภคเพื่อการรองท้อง สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคขนมขบเคี้ยวและลูกอมมีด้วยกัน 3 ประการ คือ ประการแรกบริโภคแก้เบื่อ นับว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ประการที่สอง บริโภคเพื่อความสดชื่น และประการที่สาม บริโภคเพื่อรองท้อง ซึ่งในตลาดนี้มีสินค้าได้แก่ คุกกี้ เวเฟอร์ โดยโดโซะจะเข้าไปแย่งส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าวซึ่งมีมูลค่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าสภาพตลาดมีอัตราการเติบโต 15%

ทั้งนี้บริษัทฯใช้งบการตลาดเฉพาะโดโซะ 120 ล้านบาท ล่าสุดทุ่ม 50 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “พกความสุข พกโดโซะ ไว้รองท้อง” โดยนำ “เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผ่านการสื่อสารอย่างครบวงจร อาทิ โฆษณาทางโทรทัศน์จะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน นี้ รวมทั้งการจัดกิจกรรมพิเศษร่วมกับรายการวิทยุ กิจกรรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเน้นไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่และสื่อโฆษณา ณ จุดขาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการแข่งขันรุนแรง โดยบริษัทฯต้องทุ่มงบโดยรวมทุกแบรนด์มากกว่า 300-400 ล้านบาท

ภาวะตลาดข้าวอบกรอบในช่วงที่ผ่านมา เริ่มอิ่มตัวแต่ละแบรนด์หลักไม่มีการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรม มีผู้เล่นบางรายออกจากตลาดไป อาทิ โอเซน ตลาดไม่มีความคึกคักตลาดจึงหดตัวลง 20% จาก 760 ล้านบาท เหลือเพียง 600 ล้านบาท แตกต่างจากในช่วงปี 2547 มีสินค้าลงสู่ตลาดหลากหลายแบรนด์ กระทั่งทำให้มูลค่าตลาดสูงถึง 800-900 ล้านบาท ทั้งนี้ทำตลาดในเชิงรุกคาดว่าจะปลุกตลาดข้าวอบกรอบให้มีอัตราการเติบโต 10% จากมูลค่าตลาด 600 ล้านบาท ภายในปี 2551 โดยปัจจุบันโดโซะเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 80% ชินมัย 7-8% เคนโด 2% ที่เหลือ 10-13% อื่นๆ

นายสุรัตน์ กล่าวถึงสภาพตลาดขนมขบเคี้ยวโดยรวมมูลค่า 13,500 ล้านบาทว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก เนื่องจากผู้บริโภคไม่ได้ชะลอการซื้อสินค้า แต่สถานการณ์การเมืองกลับส่งผลกระทบทางด้านจิตวิทยาของยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิต โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ตลาดขนมขบเคี้ยวมีอัตราการเติบโต 10% และคาดว่าทั้งปีตลาดขนมขบเคี้ยวจะมีอัตราการเติบโต 8-10% อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาพรวมกลุ่มอาหารเริ่มได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีราคาสูง

ทั้งนี้ตลาดขนมขบเคี้ยวที่มีอัตราการเติบโตสูงในปีนี้ จะเป็นสินค้าที่สอดคล้องกับกระแสสุขภาพมาแรง โดยพบว่า ตลาดปลาเส้นมูลค่า 1,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9% ของตลาดรวมมีอัตราการเติบโต 18% ตลาดปลาหมึก 600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.5% ของตลาด มีอัตราการเติบโต 16% และตลาดถั่วมูลค่า 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของตลาดมีอัตราการเติบโต 13% ส่วนตลาดขนมขึ้นรูปมูลค่า 4700 ล้านบาท ยังคงมีอัตราการเติบโตจากการทำโปรโมชัน และสินค้าใหม่ ขณะที่มันฝรั่งมูลค่า 4300 ล้านบาท การเติบโตมาจากการจัดกิจกรรมและรสชาติใหม่

สำหรับผลประกอบการกลุ่มอาหารปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 12% หรือมียอดขาย 2,000 ล้านบาท สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น เทสโต 50% โดโซะ 25% และปาร์ตี้กับแคมปัส 25% สำหรับยอดขายของกลุ่มอาหารคิดเป็น 22-23% ของบริษัทฯ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.