|

บล.กสิกรไทยถึงจุดคุ้มทุนปีนี้
ผู้จัดการรายวัน(18 มิถุนายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
บล.กสิกรไทย ลั่นปีนี้เบรกอีเวนท์ หลังเปิดบริการเพียง2 ปีกว่าเร็วกว่าคาดการณ์ เหตุ มาร์เก็ตแชร์โตเร็ว ชี้สิ้นปีนี้แตะ 1.5% -รับรู้รายได้งานไอบีขนาดใหญ่ เข้าตลท.“ดีแทค” เตรียมหาพันธมิตรต่างประเทศ “ผู้บริหาร” เผย พร้อมเปิด"ไซเบอร์บลานซ์" ในสาขาแบงก์แม่ 200 สาขา
นางณัฐรินทร์ ตาลทอง กรรมการบริหาร สายงานนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุน(Break Even) ได้ภายในสิ้นปีนี้ หลังจากที่เปิดดำเนินการมาเป็นเวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ เนื่องมาจากสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) การซื้อขายหลักทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่องและเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และบริษัทรับรู้รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ TAC
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมี มาร์เก็ตแชร์ ประมาณ 0.95 % จากในช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ 0.55 %หรือเพิ่มขึ้น กว่า 0.40% ภายในระยะเวลา 6 เดือน และหลังจากนี้คาดว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยตั้งเป้าหมายว่าสิ้นปีนี้บล.จะต้องมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 1.5% หรือเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1%
"เรามั่นใจว่าจะสามารถ Break Even ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพราะมาร์เก็ตแชร์ที่เพิ่มขึ้น และได้ดีลใหญ่อย่างดีแทคเข้ามา แม้ว่าจะเป็นบริษัทที่เปิดใหม่มาไม่ถึง 3 ปี ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอย่างมากของการทำธุรกิจ ส่วนจะมีผลกำไรกลับไปให้ธนาคารได้ภายในปีนี้หรือไม่ยังไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามการที่บล.สามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 2 ปีครึ่ง ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ ทางผู้บริหารของธนาคารก็พอใจมากแล้ว "
สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นลูกค้าที่มาจากฐานลูกค้าของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งแม้จะเป็นลูกค้ารายย่อยแต่มีปริมาณการซื้อขายที่สูง ส่วนพันธมิตรที่จะเข้ามาเสริมธุรกิจของบริษัทนั้นขณะนี้บริษัทยังไม่เร่งรีบในการหาพันธมิตร แต่จะมีการสรุปในเรื่องดังกล่าวให้ได้ภายใน 3 ปีหลังจากนี้ ซึ่งพันธมิตรดังกล่าวจะเข้ามาเสริมในส่วนลูกค้าต่างประเทศ
นางณัฐรินทร์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาหลักทรัพย์ในสาขาของธนาคารกสิกรไทย (ไซเบอร์บลานซ์) ที่จะเข้ามาเพิ่มช่องทางการขยายฐานนักลงทุนมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมที่จะเปิดไซเบอร์บลานซ์ในสาขาของธนาคารกสิกรไทยจำนวน 200 สาขา ครอบคลุมทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้ว
นางณัฐรินทร์ กล่าวถึงสถานการณ์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ว่า ด้านการลงทุน เห็นว่านักลงทุนควรเลือกลงทุนในระยะกลางและระยะยาวมากกว่าการลงทุนในระยะสั้น ส่วนปัญหาการเมืองที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในขณะนี้อาจจะเป็นปัจจัยที่กดดันต่อการลงทุน แต่ถ้าเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้ว ยังมีความรุนแรงที่น้อยกว่ามาก ทำให้ยังไม่น่าวิตกมากนัก ทั้งนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ก็จะทำให้การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์กลับสู่ภาวะปกติ
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|