พิษบาทแข็งฉุดกำไรส่งออก-ผู้ผลิตก๊อกน้ำหันขายไทย


ผู้จัดการรายวัน(18 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

"วีอาร์เอช" ผู้ส่งออกก๊อกน้ำ อุปกรณ์ห้องน้ำ และฝักบัวสเตนเลส โอดค่าบาทแข็ง-วัตถุดิบราคาพุ่งกระทบยอดส่งออก หวังเพิ่มยอดขายสร้างฐานตลาดในประเทศลดความเสี่ยงจาการผันผวนในตลาดส่งออก หันเจาะกลุ่มคอนโดฯ ส่งก๊อกประหยัดน้ำทำตลาด ตั้งเป้าปี 50 ยอดขาย 600 ล้านบาท

นายสุวี หทัยพันธลักษณ์ ประธานกรรมการบริษัท วี.อาร์แฮนด์เดิล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย ฟิตติ้ง อุปกรณ์ห้องน้ำ ห้องครัว ฝักบัว และก๊อกน้ำ สเตนเลส แบรนด์ "VRH" และรับจ้างผลิตภายใต้แบรนด์สินค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานผลิตสินค้า 2 แห่งโดยโรงงานแห่งแรกตั้งอยู่ที่ถนนเพชรเกษม 91 และโรงงานแห่งที่ 2 ที่บริษัทได้มีการลงทุนใหม่ตั้งอยู่ที่ เขตกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีพื้นที่ก่อสร้างโรงงานกว่า 8 ไร่ ใช้งบประมาณในการลงทุนก่อสร้าง 200 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่บริษัทมีการขยายโรงงานผลิตใหม่เพิ่มทำให้บริษัทมีกำลังผลิตต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านบาทต่อเดือนจากเดิมที่บริษัทมีกำลังการผลิตที่ 20 ล้านบาทต่อเดือน

ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทตัดสินใจขยายโรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการใช้ก๊อกน้ำของตลาดในประเทศเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวสูง และแนวโน้มการเปลี่ยนมาใช้ก๊อกน้ำพรีเมียมที่ผลิตจากสเตนเลสเพิ่มจำนวนสูงขึ้นเพราะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จากกระแสคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพมากขึ้น โดยก๊อกนำที่ผลิตจากสเตลเลสมีค่าปนเปื้อนจากโลหะหนักในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานกลางที่( สำนักมาตรฐานกลางเพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรม (มสอ.) ตรวจชื่อสำนักงานที่ถูกต้องให้ด้วย ) กำหนดไว้ ในขณะนี้ที่ผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำที่ใช้อยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เกือบ 100% ผลิตมาจากทองเหลืองชุบโคเมี่ยม ซึ่งมีการปนเปื้อนสารโลหะหนักที่ปริมาณที่สูงค่ามาตรฐาน

ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการส่งออกในต่างประเทศ 60% และจำหน่ายในประเทศ 40% โดยในจำนวนการส่งออกสินค้าของบริษัททั้ง100% นั้นแบ่งออกเป็นการผลิต และส่งออกภายใต้แบรนด์"VRH" 15% ส่วนที่เหลืออีก85% เป็นการผลิตและส่งออกภายใต้แบรนด์ของบริษัทอื่น ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่ที่บริษทรับผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของลูกค้ามีอยู่ประมาณ 10 กว่าแบรนด์ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศ แม็กซิโก,สเปน,อังกฤษ, เบลเยี่ยม,เนเธอร์แลนด์ และประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น สิงคโปร์

สำหรับตลาดในประเทศนั้น บริษัท ผลิตและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ "VRH" เป็นส่วนใหญ่โดยมีสัดส่วนประมาณ 80-90% ส่วนที่เหลืออีกกว่า 10% เป็นการรับจ้างผลิต เช่น แบรนด์ อเมริกันสแตนดาด์ แบรนด์กะรัต ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทจะผลิตเฉพาะชิ้นส่วนของท่อน้ำทิ้ง ก้านฝักบัวและอะไหล่ขนาดเล็กให้เท่านั้น

นายสุวี กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะขยายสัดส่วนการขายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ก๊อกนำในประเทศมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับแนวโน้มตลาดในต่างประเทศเริ่มได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท และการปรับตัวของราคาวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของบริษัท ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างฐานตลาดหลักในประเทศให้แข็งแกร่งและลดความเสียงจากการส่งออก ที่มีความผันผวน บริษัทจึงมีแผนการขยายตลาดในประเทศเพิ่ม

" ที่ผ่านมาราคาสเตนเสล ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่บริษัทนำเข้า 100% มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากการขึ้นต้นทุนราคาน้ำมัน โดยราคาสเตนเลสมีการปรับราคาขายเพิ่มถึง 10% ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นไปด้วย ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจึงได้มีการปรับราคาขายของสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 15% เพื่อให้ต้นทุนวัตถุดิบและราคาขายสินค้าสมดุลกัน"

ทั้งนี้ในการขยายตลาดของบริษัทนั้น จะเน้นการเปิดตลาดใหม่โดยเฉพาะตลาดโครงการจัดสรรและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเน้นกลุ่มโครงการอาคารสูง คอนโดมิเนียมอาคารสำนักงานเช่า และอาคารขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้าที่เปิดใหม่ รวมถึง โรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งโครงการต่างๆ ในกลุ่มนี้จะมีปริมาณการใช้ก๊อกน้ำจำนวนมากในระบบประปา และระบบจ่ายน้ำ โดยอัตราการเติบโตของโครงการประเภทดังกล่าวมีสัดส่วนการขยายตัวที่สูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาสินค้าของบริษัทได้มีการเสนอขายเข้าไปในโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการของบริษัท แลนด์แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการนำไปใช้ในบ้านตัวอย่างให้ลูกค้าดู โครงการบ้านเพลินทะเล ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โครงการ ของบริษัท ชาญอิสระ ซึ่งค้ดว่าในปีนี้ออเดอร์สินค้าจะมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น

สำหรับ สินค้าที่บริษัทจะใช้รุกตลาดในปีนี้ คือก๊อกประหยัดน้ำ ซึ่งสามารถช่วยประหยัดน้ำได้สูงถึง 5 เท่าจากก๊อกน้ำปกติ ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นรุกเข้าไปในโรงเรียนก่อน และโครงการแนวสูงก่อน โดยจะเน้นการขายผ่านห้างสรรพสินค้าโมเดิลเทรด และตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดซึ่งขณะนี้มีอยู่ 600 รายทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ในปีนี้บริษัทจะมีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาท จากเดิมที่มียอดขายอยู่ที่ 200 ล้านบาทต่อปี


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.