ประวิทย์แห่งผาแดง วันที่เกษียณเขาอยากมีชีวิตเหมือนอากร ฮุนตระกูล


นิตยสารผู้จัดการ( พฤษภาคม 2534)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมาบริษัทผาแดงอินดัสทรีได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ประวิทย์ คล่องวัฒนะกิจ ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการต่อจากอาสา สารสิน ซึ่งลาออกไปรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาลนายกอานันท์

เป็นเรื่องที่นับว่าแปลกมากเรื่องหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเมื่อเริ่มจะตั้งผาแดงขึ้นมานั้น ประวิทย์คนนี้เป็นคนคัดค้านมิให้ตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้นมาเอง

ประวิทยืเล่าย้อยอดีตซึ่งขณะนั้นเขาเป็นผู้อำนวยการนโยบายเงินกู้สำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังว่าในสมัยพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเงียบเหงา นายกฯ เกรียงศักดิ์จึงต้องการให้มีโครงการใหญ่ ๆ ภายในประเทศเกิดขึ้นบ้างจนมาถึงยุคพลเอกเปรมเป็นนายกฯ จึงตกลงใจอนุมัติให้คลังเข้าไปจัดการเรื่องจัดตั้งบริษัทผาแดง

"แต่มันน่าทึ่งนะไม่ทราบว่าผาแดงเป็นอย่างนี้มาได้อย่างไร เพราะในสมัยนั้นผมอยู่คลังผมก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่ควรเอาศึกษาออกมาแล้ว RATE OF RETURN แค่ 7% เท่านั้น แล้วยังมีความเสี่ยงอีกมามายทั้ง KNOW-HOW แหล่งแร่ แล้วในที่สุด ผมก็ถูกยืมตัวมาอยู่ที่ผาแดง 4 ปี พออยู่ไป ๆ ก็อยู่ต่อ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้" ประวิทย์เล่าย้อนอดีตด้วยน้ำเสียงถึงบทบาทของตัวเองปนหัวเราะ

ประวิทย์เข้ามาร่วมงานกับผาแดงหลังจากที่ผาแดงก่อตั้งมาได้หนึ่งปีคือในปี 2525 จนถึงปัจจุบันนี้ผาแดงมีอายุครบ 10 ปีแล้ว

ผาแดงในวันนี้แตกต่างจากเมื่อ 10 ก่อนอย่างลิบลับจากที่เคยได้รับฉายาว่า "ลูกเป็ดขี้เหร่" จากนิตยสารของต่างประเทศ เพราะ "ความจำเป็นต้องเกิดให้ได้" ทำให้ผาแดงในยุคแรกค่อนข้างจะกระท่อนกระแท่นมาก มีอุปสรรคนานาประการแต่ในที่สุดผาแดงก็สามารถพลิกผันสถานการณ์จากากรขาดทุนมาทำกำไรได้เมื่อปี 2529 จนถึงปี 2533 นี้ผาแดงสามารถทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นยิ้มไม่หุบถึง 1,486 ล้านบาท

เอาเถอะ ถึงแม้การเติบใหญ่ของผาแดงในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งจะมาจากการเข้าอุ้มชูจากรัฐก็ตาม

ประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จนี้ของผาแดงมีคนชื่อประวิทย์ร่วมส่วนอยู่ด้วย เพราะประวิทย์ร่วมสร้างอยู่ด้วย เพราะประวิทย์ได้ชื่อว่าเป็นนักบริหารการเงินมือฉมังของผาแดง เพราะตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับผาแดงนั้นเขาเป็นผู้กุมบังเหียนการเงินของผาแดงมาตลอดโดยเริ่มตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับผาแดงเมื่อปี 2525 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี เลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี แม้ว่าปัจจุบันจะมีตำแหน่งถึงกรรมการผู้จัดการแล้วก็ตาม แต่ประวิทย์ก็ยังจัดการเรื่องการเงินของผาแดงอย่างไม่ยอมปล่อยมือ

การบริหารการเงินของผาแดงสามารถทำได้ตามเป้าหมายและสอดคล้องกับแผนการขยายกิจการของผาแดงได้อย่างเหมาะเจาะ

เพราะขณะที่ผาแดงสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีนั้นประวิทยก็เสนอขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อเก็บเงินสะสามส่วนของกำไรไว้ทุกปี จนเมื่อถึงจุดที่ผาแดงพร้อมที่จะขยายการลงทุนในโครงการใหญ่ ๆ ร่วมกับต่างประเทศ ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 4 พันล้านบาทเงินลงทุนส่วนหนึ่งที่เก็บสะสมจากเงินและอีกส่วนหนึ่งจากการเพิ่มทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงทำให้ผาแดงพร้อมแล้วที่จะลงทุนโดยไม่เดือดร้อนในเรื่องการหาเงินมาลงทุนเลย

พรสวรรค์และสามารถเหล่านี้ของประวิทย์คงได้มาจากจุดกำเนิดของเขาที่เป็นลูกพ่อค้าคนจีน ซึ่งฉายแวว "เซ็งลี้" มาตั้งแต่เขาเรียนระดับปริญญาตรีอยู่ที่จุฬาฯ แล้วเพราะธุรกิจครอบครัวของเขานั้น จะทำร้านส่งสินค้าก่อสร้างเป็นเอเยนต์ขายน้ำมันให้กับค่ายเชลล์จนถึงรับเป็นกัมปะโดให้แบงก์กรุงเทพฯ พาณิชย์การ

"ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ปี 3-4 ผมแทบไม่ได้เรียนหนังสือเลย เพราะต้องไปนั่งเป็นเจ้าหน้าที่เซ็นเช็คอยู่ที่อุตรดิตถ์และสุโขทัย เพราะทางบ้านผมรับเป็นกัมปะโดให้กับธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ"

แม้ว่าชีวิตในช่วงอยู่มหาวิทยาลัยของประวิทย์จะหนักไปทางด้านช่วยทำธุรกิจให้กับครอบครัวก็ตาม แต่เขาก็สามารถเรียนจบอักษรศาสตร์จากจุฬาฯ และบินไปอเมริกาเพื่อไปศึกษาต่อปริญญาเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโททางบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา

นอกจากนี้ ประวิทย์ยังผ่านการอบรมเรื่องการเงินจากธนาคารต่าง ๆ ในนิวยอร์กรวมทั้งเข้ารับการอบรมหลักสูตร GENERAL PROJECT COURS ที่ ECONOMIC DEVELOPMENT INSTTTUTE แบงก์โลกอีกด้วย

ประวิทย์พูดอยู่เสมอว่าเขาได้ความรู้มากมายจากการเข้าไปช่วยธุรกิจของครอบครัว แม้ว่าครอบครัวของเขาจะทำธุรกิจค้าขายหลาย ๆ อย่างก็ตามแต่ลูกชายทั้งหมดรวมทั้งเขาด้วยแล้วไม่มีใครสืบทอดธุรกิจของครอบครัวเลย

สำหรับตัวประวิทย์แล้ว ชีวิตเขาต้องพลิกผันอีกครั้งเมื่อเขาจบออกมาแล้วมารับราชการในกระทรวงการคลังมาโดยตลอด ตั้งแต่ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจำประเทศอังกฤษและยุโรป และตำแหน่งสุดท้าย คือ ผู้อำนวยการกองนโยบายเงินกู้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ชีวิตการทำงานในวงราชการของประวิทย์นั้นช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ทางด้านการเงินให้กับเขาอย่างมาก รวมทั้งครั้งหนึ่งเขาได้ไปเป็นกรรมการของบริษัทเงินทุนฯ ประวิทย์ใช้เวลาหลายปีศึกษาโครงการต่าง ๆ นับร้อยที่ผ่านเข้ามาเพราะความที่เป็นคนถือคติ..รู้อะไรแล้วต้องรู้ให้จริง ถ้าไม่รู้ก็ต้องศึกษาหาความรู้

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประวิทย์เป็นทั้งนักวางแผนและนักบริหารการเงิน โครงการที่เขาสามารถเก็บเกี่ยวมาเป็นประสบการณ์ที่ผาแดงได้สบาย ๆ

และจนถึงวันนี้ผาแดงก็สามารถาลบฉายา "ลูกเป็ดขี้เหร่" ลงได้ แปลงกายเป็นสาวรุ่นกำดัดที่มีเงินถุงเงินถังและมีโครงการดี ๆ ที่จะลงทุน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างชาติอย่าง MATELGERELLCHAFT ของเยอรมนีเข้าแถวกันเข้ามาให้ผาแดง "เลือกคู่" เพื่อร่วมทุนทำโครงการชนิดหัวกระไดไม่แห้งเลย

ประวิทย์กำหนดวิถีของเขาให้พลิกผันอีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุ 55 ปี

"ผมเตรียมรีไทร์ตัวเองตอนอายุ 55 ปี เพราะผมทำงานหนักมาตลอดชีวิต" ประวิทย์เปิดใจถึงชีวิตในอนาคตของเขาวันข้างหน้าไปตีกอล์ฟ ตกบ่ายกลับมาก็มางีบอีกหน่อย แล้วก็มานั่งดักเพื่อน ๆ อยู่ที่ล็อบบี้"

พูดแบบนี้เหมือนอากร ฮุนตระกูล แห่งอิมพีเรียลกรุ๊ปไม่มีผิด ดังนั้นเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ประวิทย์ก็ลงทุนควักเงินส่วนตัวเพื่อร่วมหุ้นกับพี่นอ้งและเพื่อนฝูงที่ทำโรงแรมต่าง ๆ จนขณะนี้เขาลงทุนไปแล้วหลายโครงการ อาทิ ท้ายเหมืองรีสอร์ทกาดสวนแก้ว ฯลฯ จะสังเกตว่าหลายโครงการที่ประวิทย์ลงทุนนั้นจะกระจายอยู่ตามภาคต่าง ๆ ทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อว่าจะเขาจะได้เดินสายเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งตามล็อบบี้ตามจังหวัดต่าง ๆ

ถ้าชีวิตของประวิทย์ไม่พลิกล็อกอีก เราอาจจะได้เห็นนั่งทอดอารมณ์อยู่ตามล็อบบี้ของโรงแรมต่าง ๆ แล้วก็คิดเพื่อคิดถึงอดีตอันน่าภูมิใจที่ผ่านมาของเขา

เพราะความที่เป็นนักวางแผนการอยู่แล้ว เมื่อเขาตกลงปลงใจที่จะรีไทร์ตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า ประวิทย์ก็ตระเตรียมแผ้วถางเส้นทางชีวิตของเขา หลังเกษียณไว้เรียบร้อยแล้ว

"ผมชอบทำโรงแรมเพราะชอบนั่นล็อบบี้แล้วเวลามีเพื่อนฝูงผ่านไปผ่านมาก็เรียกมานั่งคุยกัน" ผมจะได้นอนตื่นสาย ๆ แล้วก็เราเรียกสตาฟฟ์มาสั่งงาน เสร็จแล้วก็หอบถุงกอล์ฟไปตีกอล์ฟ ตกบ่ายกลับมาก็มางีบอีกหน่อย แล้วก็มานั่งดักเพื่อน ๆ อยู่ที่ล็อบบี้"

พูดแบบนี้เหมือนอากร ฮุนตระกูล แห่งอิมพีเรียลกรุ๊ปไม่มีผิด ดังนั้น เวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ประวิทย์จึงลงทุนควักเงินส่วนตัวเพื่อร่วมหุ้นกับพี่น้องและเพื่อนฝูงที่ทำโรงแรมต่าง ๆ จนขณะนี้เขาลงทุนไปแล้วหลายโครงการ อาทิ ท้ายเหมืองรีสอร์ทกาดสวนแก้ว ฯลฯ จะสังเกตว่า หลายโครงการที่ประวิทย์ลงทุนนั้นจะกระจายอยู่ตามภาคต่าง ๆ ทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อว่าเขาจะได้เดินสายเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งตามล็อบบี้ตามจังหวัดต่าง ๆ

ถ้าชีวิตของประวิทย์ไม่พลิกล็อกอีก เราอาจจะได้เห็นเขานั่งทอดอารมณ์อยู่ตามล็อบบี้ของโรงแรมต่าง ๆ แล้วก็คิดถึงอดีตอันน่าภูมิใจที่ผ่านมาของเขา...



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.