"วิกรม"ดอดเก็บ"อมตะ"เพิ่ม5ล้านหุ้น


ผู้จัดการรายวัน(14 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊กอมตะ "วิกรม กรมดิษฐ์" ฉวยจังหวะตลาดหุ้นซึม นำเงินปันผลเก็บหุ้นบนกระดานเพิ่มอีก 5 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 78 ล้านบาท ชี้หากมีเงินสดพร้อมซื้อเพิ่ม จากมั่นใจศักยภาพบริษัท ยันไม่เห็นรายชื่อขายหุ้นออกมาแน่นอน ส่งผลให้ยอดซื้อตั้งแต่ปี 47 รวมทั้งสิ้น 17.23 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 272.98 ล้านบาท

ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ และในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ได้เข้ามาซื้อหุ้น AMATA เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2550 จำนวน 400,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.30 บาท มูลค่า 6.12 ล้านบาท

ในวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ซื้อหุ้นอีก 2 รายการ จำนวน 100,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.70บาท มูลค่า 1.57 ล้านบาท และ3,335,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.80 บาท มูลค่า 52.69 ล้านบาท ในวันที่ 8 มิถุนายน 2550 ซื้อเพิ่มอีก 2 รายการ จำนวน 1,159,100 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.57 บาท มูลค่า 18.04 ล้านบาท และ 5,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.50 บาท มูลค่า 91,450 บาท รวมซื้อหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 78.52 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจากรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59-2)ของสำนักงานก.ล.ต.พบว่าในปี 2547 นายวิกรม ซื้อหุ้นจำนวน 1.53 ล้านหุ้น ช่วงราคาที่ซื้อ 9.58-11.95 บาท มูลค่ารวม 14.78 ล้านบาท ปี 2548 ซื้อหุ้นจำนวน 700,730 หุ้น ราคาหุ้นละ 14 บาท มูลค่า 9.81 ล้านบาท ปี 2549 ซื้อจำนวน 10 ล้านหุ้น ช่วงราคาที่ซื้อ 12-20 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 169.87 ล้านบาท ซึ่งหากรวมตั้งแต่ปี 2547-8 มิถุนายน 2550 ซื้อหุ้นรวม 17.23 หุ้น มูลค่ารวม 272.98 ล้านบาท

นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า การที่ตนเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทเพิ่มเนื่อง ตนเพิ่งได้รับเงินปันผลมาจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ได้นำไปใช้อะไรจึงเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท จากรู้ว่าหุ้นหุ้นของบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ไม่มีโอกาสที่ขาดทุน และมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง และจากมั่นใจว่าอมตะเวียดนามในอนาคตนั้นจะมีการเติบโตที่ดีทั้งด้านขนาดการลงทุน โดยมองว่าอีก 10 ปีข้างหน้า อมตะเวียดนามจะมีขนาดใหญ่ มากกว่าอมตะไทย

รวมถึงการที่ช่วงนี้ตลาดหุ้นไม่ค่อยเคลื่อนไหวจึงเข้ามาซื้อ ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาตนก็ได้มีการเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทอย่างต่อเนื่องซึ่งใช้เงินซื้อหุ้นไปหลาย 100 ล้านบาท และไม่ได้มีการขายหุ้นออกมาเลย พอเมื่อตนมีเงินก็จะนำเข้ามาซื้อเพิ่มจากที่มีความมั่นใจและรู้จักอมตะเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันตนถือหุ้นในนามตัวเองจำนวน 250 ล้านหุ้น ซึ่งจะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มอีกหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าตนมีเงินสดเหลือที่จะมาซื้อหุ้นเพิ่มได้ในช่วงไหน

"ผมเป็นเจ้าของอมตะและรู้จักอมตะดีโดยเป็นหุ้นที่ไม่มีโอกาสที่จะขาดทุน มีปันผลอย่างต่อเนื่องซึ่งสูงกว่าเงินฝากแบงก์และอนาคตนั้นอมตะที่เวียดนามก็จะมีการเติบโตอย่างมากและจะใหญ่มากว่าอมตะไทยแน่นอน ซึ่งตนมีเงินสดเมื่อไรก็จะนำมาซื้อเพิ่มต่อเนื่อง เช่น หากตนมีเงิน 100 บาท ก็จะนำมาซื้อหุ้นอมตะจำนวน 60-70 บาท "นายวิกรม กล่าว

สำหรับการที่มูลค่าการซื้อขายของบริษัทเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 33.22 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าอยู่ในระดับที่ดีมากแล้ว ซึ่งปกติจะมีการซื้อขายอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท ต่อวัน ซึ่งหุ้นของบริษัทจะเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว และเป็นหุ้นที่มีความผันผวนตามปัจจัยการเมือง โดยที่ผ่านมาการที่หุ้นของบริษัทมีการปรับตัวลดลง จากการเมืองที่ยังไม่นิ่ง แต่พอการเมืองเริ่มชัดเจนหุ้นของบริษัทก็จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เหมือนกับหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ฯลฯ ที่นักลงทุนมีการซื้อขายทุกวัน

ส่วนการที่นักวิเคราะห์มีการแนะนำให้มีการขายออกมาจากการที่ราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสมนั้น อาจเป็นเพราะ ค่าP/Eของบริษัทสูง จากปีที่ผ่านมายอดขายของบริษัทปรับตัวลดลงจากปี 2548 สูงถึง 300% แต่จากการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้นนั้นก็จะทำให้ยอดขายของบริษัทปรับดีขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.