ไอศกรีม4เดือนแรกวูบโตแค่3.6% เหตุรายใหญ่สะดุด-วอลล์ปั้นมอเรือธง


ผู้จัดการรายวัน(12 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดรวมไอศกรีม 4 เดือนแรกปีนี้วูบ โตเพียงแค่ 3.6% เหตุอากาศทำเหตุ ฝนตกหนัก เผยรายใหญ่ในตลาดรายหนึ่งสะดุดเหตุช่องทางจำหน่ายลดลง ทำให้ตลาดรวมหดตัวลงไปด้วย วอลล์เดินหน้าทำตลาดไม่หยุด คุยโวช่วง 4 เดือนแรกเติบโต 20% กวาดแชร์ 60% พร้อมทั้งอัดงบตลาด 100 ล้านบาท ปั้นซับแบรนด์ วอลล์มอ ต่อ หวังผลักดันเป็นเรือธงในอนาคต หลังแชร์ตลาดรวมได้ 3%

นายเจอโรม ยีน โรเบิร์ต ชาราโชน รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์ อาหารและไอศกรีม และ นางสาวชัญญา รอดรักขวัญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการตลาดผลิตภัณฑ์ไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์

ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดรวมของไอศกรีมที่ไม่ใช่เป็นร้านค้านั่งทาน จากเอซีนีลเส็นระบุว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าตลาดเติบโตเพียง 3.6% เท่านั้นซึ่งน้อยมาก แต่ทั้งปีนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเติบโตเท่าใด ขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วตลาดรวมโตมากถึง 20% แต่ปีที่แล้วทั้งปีมีการเติบโตถึง 25%

เหตุผลที่ทำให้ตลาดรวมเติบโตน้อยมาก มาจากหลายปัจจัยเช่น ปัญหาทางด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งปรกติแล้วในช่วงเดือนเมษายนจะเป็นฤดูกาลขายหลักของไอศกรีมแต่ปรากฏว่ามีฝนตกตลอด อีกทั้งในช่วงเดือนมกราคมก็มีอากาศหนาวทำให้การบริโภคไอศกรีมลดน้อยลงด้วย โดยสถิติการบริโภคไอศกรีมของคนไทยอยู่ที่ 2.5 ล้านลิตรต่อคนต่อปีเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มจากปี 2548 ที่บริโภค 2.1 ลิตรต่อคนต่อปี แต่ก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ทำให้โอกาสที่ตลาดเติบโตยังมีอีกมาก

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อีกสาเหตุที่ทำให้ตลาดรวมตกลงก็เพราะว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่รายหนึ่งที่มีแชร์ในตลาดติดท็อปทรี ได้เกิดปัญหาทางด้านการทำตลาดขึ้น โดยเฉพาะในด้านของช่องทางการจำหน่ายที่เสียไปมาก ทำให้ตลาดหายไปมากกว่า 40% จึงทำให้การบริโภคในตลาดรวมหายไปมาก

โดยปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดไอศกรีมในไทยประกอบด้วย วอลล์ เนสท์เล่ ยูไนเต็ด ครีโม เป็นต้น โดยตลาดไอศกรีมเมืองไทยมีมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ประเภทอิมเพลาส์ 80% ประเภทเทคโฮม 20% ขณะที่ไอศกรีมประเภทเทคโฮมกลับมีการเติบโตมากถึง 30%

สำหรับในส่วนของวอลล์นั้น ช่วง 4 เดือนแรกผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มไอศกรีมเติบโต 20% และมีแชร์รอบล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนนี้ประมาณ 60% โดยที่ซับแบรนด์ วอลล์ มอ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อประมาณ 10 เดือนที่ผ่านมา ส่วนแบ่งในตลาดรวม 3% แต่มีส่วนแบ่งในกลุ่มไอศกรีมเด็กประมาณ 5% ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้แชร์รวมของวอลล์เพิ่มมากขึ้นด้วย

โดยมูลค่าตลาดรวมไอศกรีมในไทยมีประมาณ 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เซกเมนท์เด็กสัดส่วน 30% จากมูลค่าตลาดรวม ส่วนเซกเมนท์วัยรุ่นมีสัดส่วนประมาณ 30% เซกเม้นท์เทคโฮมมีสัดส่วนประมาณ20% และอื่นๆมีสัดส่วประมาณ 20% ซึ่งในส่วนของวอลล์นั้นมีซับแบรนด์ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มป้าหมายจึงทำให้สามารถเพิ่มทางเลือกและเจาะถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมจึงทำให้มีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น ในตลาดไอศกรีมเซกเมนท์กลุ่มเด็กแบรนด์วอลล์มีซับแบรนด์แพดเดิลป๊อป และ มอ ส่วนเซ็กเม้นท์วัยรุ่นมีคอร์เน็ตโต เซกเมนท์เทคโฮมมีวอลล์ซีเลคชั่น และกลุ่มอื่นๆเช่น เซกเมนท์ ผู้ใหญ่มีแม็กนั่ม แบรดน์เอเชียนดีไลท์สำหรับไอศกรีมรสชาติเอเชีย หรือวอลล์มินิสำหรับไอศกรีมที่ทานแบบสแน็ก ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตค่อนข้างดีอีกกลุ่มหนึ่ง

อัด100ล้านปั้นซับแบรนด์“มอ”ต่อ

นายเจอโรม กล่าวต่อถึง แผนการทำตลาดสำหรับไอศกรีมซับแบรนด์ วอลล์ มอ ที่ผสมแคลเซียม ด้วยว่า ในปีนี้จะทุ่มงบการตลาดโดยรวมสำหรับ “มอลล์วอ” ทั้งปีประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดในรูปแบบ 360 องศา ทั้งอะโบฟเดอะไลน์และบีโลว์เดอะไลน์ ทั้งการโฆษณาผ่านสื่อทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อรถไฟใต้ดิน เป็นต้น การจัดกิจกรรมต่างๆ การจัดทำโปรโมชั่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และการทำ วอลล์ มอเดอร์แลนด์เป็นต้น ซึ่งเป็นการสานต่อจากการตลาดที่เริ่มทำมาเมื่อปีที่แล้วอย่างเต็มที่ และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และหวังที่จะผลักดันให้วอลล์มอเป็นเรือธงหนึ่งในกลุ่มไอศกรีมเด็ก

ล่าสุดได้วางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ในหลายรูปแบบเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียงรูปแบบไอศกรีมแท่งราคา 12 บาทเท่านั้น เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคและสร้างโอกาสในการขยายตัวด้วย โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้วางตลาดรูปแบบ ซื้อกลับบ้านหรือเทคโฮม ราคา 79 บาท ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลัก และล่าสุดในเดือนนี้ได้วางผลิตภัณฑ์ในรูปแบบวอลล์มอ แซนด์วิช แบบเดี่ยวราคา 10 บาท และแบบแซนด์วิชมัลติแพ็ค 10 ชิ้นราคา 89 บาท เป็นรายแรกในตลาดไอศกรีม และประมาณเดือนหน้าจะวางตลาดรูปแบบไอศกรีมโคนราคา 15 บาท

ส่วนโครงการ วอลล์มอเดอร์แลนด์ นั้น ถือเป็นกิจกรรมพิเศษ ที่จะจัดโรดโชว์ไปตามโรงเรียนต่างๆจำนวน 60 แห่ง เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กอายุระหว่าง 6-14 ปี ประมาณ 30,000 คนเริ่มวันที่ 18 มิถุนายนนี้ จนถึงกลางเดือนกันยายนศกนี้ เพื่อเป็นการขยายฐานตลาด และให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของแคลเซียมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.