บล.ทรีนีตี้หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยดึงเงินต่างชาติไหลออกนอกปท.


ผู้จัดการรายวัน(8 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

บล.ทรีนีตี้ ชี้ ตลาดหุ้นไทยเสี่ยงหุ้นร่วง หากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลเม็ดเงินต่างชาติไหลออก"วิศิษฐ์"แจง ธปท.ลดดอกเบี้ยได้เร็วกระตุ้นเงินฝากในระบบ 5 ล้านล้านบาท หันเข้าตลาดหุ้นได้ชดเชยเงินฝรั่ง มั่นใจดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นได้ ลั่น ถึง 1 พันจุดได้หรือไม่ขึ้นอยู่นโยบายของธปท.

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยในงานเสวนา"รู้ทัน Fund Flow โหวตทันราคาหุ้น " ว่า จากการที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ ได้มีการประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการปรับขึ้นอีก 0.25%ในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยสหรัฐอยู่ที่ 5.5% ในปลายปีนี้ และจะขึ้นอีก 0.50% ในปีหน้าทำให้ดอกเบี้ยสหรัฐฯอยู่ที่ 6% นั้นจะมีผลทำให้เม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะมีการไหลออกไป โดยเฉพาะ นักลงทุนเก็งกำไร (เฮดจ์ฟันด์) ที่มีการกู้เงินมาลงทุนนั้นต้องมีการรีบขายหุ้นเพื่อนำเงินไปคืนเงินกู้มา และได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็ว ก็จะทำให้เงินออมที่ฝากธนาคารพาณิชย์ที่ทั้งระบบในขณะนี้มีจำนวน 5 ล้านล้านบาท ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และธปท.ควรที่จะออกมาตรการให้แบงก์พาณิชย์มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นเช่นกัน จากปัจจุบันที่มีการปรับลดดอกเบี้ยที่ช้า ซึ่งหากสามารถทำให้เม็ดเงินออมที่ฝากกับแบงก์เข้ามาลงทุนในหุ้นได้ ก็จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แม้ต่างประเทศจะมีการขายหุ้นไทยออกไปก็ตาม

"หากธปท.มีการลดดอกเบี้ยได้เร็ว ทำให้เม็ดเงินที่มีการฝากจากธนาคารที่มีทั้งระบบ 5 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ของตลาดหุ้นไทยไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ถึงแม้เฟดจะปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทำให้เม็ดเงินต่างชาติไหลออก ก็ยังคงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เช่น ในปี 2003นั้น ต่างชาติมีการขายหุ้นไทยออกมา แต่นักลงทุนในประเทศมีการซื้อก็ยังทำให้ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 400 จุด ดังนั้นจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในประเทศ "นายวิศิษฐ์ กล่าว

สำหรับการที่การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,000 จุดนั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก คือ ธปท. จะต้องมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วแค่ไหน ซึ่งหากปรับตัวลดลงได้อีก 1 % ในปีนี้ก็จะดีกับตลาดหุ้นไทย ส่วนปัจจัยที่สอง จะขึ้นอยู่กับ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ จากก่อนหน้านี้ที่ประเมินว่าจะปรับตัวลดลง

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนทั่วโลกให้มีการให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากว่าการลงทุนในตราสารหนี้ (บอนด์)แต่จากการที่ผลตอบแทนของบอนด์อายุ10ปี และ 30 ปี ของอเมริกา มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% นั้น อาจมีผลทำให้นักลงทุนมีการเคลื่อนย้ายเงินจากหุ้นไปลงทุนในบอนด์มากขึ้น รวมถึงอัตราเบี้ยที่เฟดจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้ว่าเฟดออกมาส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยหลังจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น

ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรวม 1 ล้านล้านบาทแบ่งเป็นการเข้าลงทุนในตลาดหุ้น 3 แสนล้านบาทลงทุนในตราสารหนี้ 1 แสนล้านบาทและ 2 แสนบาทเป็นการลงทุนโดยตรง ที่เหลือเป็นการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์หลังจากที่ทางการมีการแก้ไขพรบ.ต่างชาติซึ่งจำกัดการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเลยหันไปลงทุนในบริษัทที ;่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน(BOI)


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.