อันตรายของควันสีขาวที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่หมดของเครื่องยนต์ 2 จังหวะเป็นมลพิษที่คุกคามคนในเมืองหลวงมานานแล้ว
การรณรงค์ของพิจิตต รัตตกุล เพื่อบอกกล่าวให้ประชาชนทราบถึงเขตอันตรายที่มีอากาศเสียเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงสภาพสิ่งแวดล้อมเป็นพิษในกรุงเทพฯ
ได้มาถึงขั้นวิกฤตการณ์แล้ว จนเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งในการตายผ่อนส่งของประชาชน
แต่เวลานี้ ทางสำนักงานมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม หรือสมอ. ได้กำหนดคุณภาพมาตรฐานน้ำมันเครื่อง
ที่ใช้กับเครื่องที่ใช้กับเครื่องยนต์ 2 จังหวะออกมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคมนี้
และคาดมายว่า นายสมาน ภุมมะกาญจนะ รัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรม คงให้ความเห็นชอบหลังจากที่ร่างมาตรฐานน้ำมันเครื่องนี้
ได้ผ่านการศึกษาจากคณะกรรมการควบคุมควันพิษจากมอเตอร์ไซค์ที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายจากการปิโตรเลียม
กรมวิทยาศาสตร์ เอกชน ผู้ค้าน้ำมันเครื่อง ผู้ประกอบรถจักรยานยนต์ และเจ้าหน้าที่
ส.ม.อ.
ความพยายามที่จะแก้ปัญหามลพิษจากควันสีขาวของเครื่องยนต์ 2 จังหวะที่ใช้ในมอเตอร์ไซค์มีมานานตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
หลังจากที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี สั่งการเรื่องนี้ผ่านรัฐมนตรีสมาน
หลังจากนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้เรียกบริษัทค้าน้ำมันเครื่อง ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์มาร่วมประชุม
เพื่อหาหนทางลดมลพิษในรถมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ
หนทางที่เป็นไปได้มีทางเลือก 2 ทาง คือ หนึ่ง - กำหนดมาตรฐานเครื่องยนต์จาก
2 จังหวะเป็น 4 จังหวะ หรือไม่อีกทางหนึ่งยกระดับคุณภาพมาตรฐานน้ำมันเครื่องให้มีส่วนผสมสารเคมีที่ลดควันสีขาวจากการเผาไหม้ไม่หมด
หนทางเลือกแรก เป็นเรื่องที่ทำได้ระยะยาว เนื่องจากผู้ผลิตรถต้องลงทุนสูงในการปรับปรุงสายการผลิตชิ้นส่วนใหม่และราคาจะแพงมาก
ดังนั้น หนทางที่ง่ายที่สุด คือ การปรับคุณภาพน้ำมันเครื่อง
ปัจจุบันนี้ น้ำมันเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ที่ขายในท้องตลาดมาจากแหล่ง 2 แหล่ง
หนึ่ง - จากโรงงานผสมที่มีอยู่ 4 ราย ประกอบด้วย เชลล์ เอสโซ่ บริษัทปิโตรเลียมไทย
และคาสตรอล โรงงานผสมบางแห่งรับจ้างผสมให้กับผู้ค้าน้ำมันเครื่อง เช่น บริษัทปิโตรเลียมไทยรับจ้างผสมให้
ป.ต.ท. เชลล์ ผสมให้มอลล่า สอง - มาจากการนำเข้าสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ เช่น
เอลฟ์ โทเทล
น้ำมันเครื่องที่ใช้กันอยู่ในรถมอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะมีโครงสร้างของวัตถุดิบที่ไม่มีสารลดควันขาวหรือขจัดควันสีขาวที่เรียกว่า
POLYSOBYTHENE (PIB) เลย โซลเว้นท์ น้ำมันพื้นฐาน และแอ้ดดีทีฟ
สารลดควันขาวตัวนี้มีราคาแพง ภาษีนำเข้าสูงถึง 35% เมื่อนำมาผสมในน้ำมันเครื่องราคาจะแพงขึ้นเกือบเท่าตัว
น้ำมันเครื่องลดควันขาวที่ขายในท้องตลาดเวลานี้ ราคาติดบนกระป๋องลิตรละ
60-80 บาท เทียบกับน้ำมันเครื่องธรรมดาลิตรละ 35-40 บาท
"ที่น่าสังเกต มีน้ำมันเครื่องลดควันขาวเพียง 4 ยี่ห้อ คือ มอลล่า
เพ็นซอยย์ เอสโซ่ และ ปตท.เท่านั้นที่ผ่านการทดสอบว่า มีม่านควันขาวในระดับไม่เกิน
30% นอกนั้นแล้ว น้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อที่ระบุว่ามีคุณสมบัติลดควันขาวไม่ผ่านการทดสอบม่านควัน"
แหล่งข่าวในวงการธุรกิจน้ำมันเครื่องกล่าว
มาตรฐานน้ำมันเครื่องที่ควบคุมมลพิษจากควันสีขาว ระบุไว้ว่า น้ำมันเครื่องที่ดีต้องมีคุณสมบัติในการใช้งานอย่างน้อย
2 ประการ คือ หนึ่ง - มีประสิทธิภาพการหล่อลื่นไม่ก่อให้เกิดการติดขัดที่ลูกสูบและแหวนภายใต้อัตราส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อน้ำมันเครื่อง
200 ต่อ 1 ที่ความเร็วรอบ 8,000 รอบต่อนาที และสองต้องมีม่านควันขาวไม่เกินร้อยละ
30
น้ำมันเครื่องที่ผ่านการทดสอบม่านควัน ไม่ได้หมายความว่า จะมีคุณสมบัติหล่อลื่นดีเสมอไป
เพราะว่าการหล่อลื่นดีเกี่ยวข้องกับสัดส่วนการใช้ส่วนผสมของสารเคมีที่ถูกต้อง
ซึ่งประเด็นนี้อยู่ที่ความเชี่ยวชาญของบริษัทน้ำมันแต่ละราย
แต่เนื่องจากรัฐบาลเน้นนโยบายการลดควันพิษจากเครื่องยนต์ 2 จังหวะเป็นด้านหลัก
บริษัทผู้จำหน่ายน้ำมันเครื่องจึงมุ่งไปที่การลดควันขาวแต่เพียงอย่างเดียว
"จริง ๆ แล้ว ท่านนายกฯ อยากให้เรื่องนี้เสร็จและนำมาใช้ภายใน 2 เดือน
แต่ในภาคปฏิบัติคงไม่ได้เพราะน้ำมันที่หมุนเวียนวางขายในตลาดทั่วประเทศมีมากถึงเดือนละ
3 ล้านลิตรต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะเอาออกจากตลาดหมด และใช้ของใหม่ที่ลดควันขาวเข้ามาแทนที่"
ผู้ค้าน้ำมันเครื่องรายใหญ่พูดถึงการวางสินค้าในตลาด
ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างหนึ่งในการางสินค้าน้ำมันเครื่องที่ลดควันขาว ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง
10 ปี กว่าจะสามารถโน้มน้าวให้ผู้บริโภคยอมรับ เนื่องจากค่านิยมของคนญี่ปุ่นที่ไม่ชอบทดลองกับสิ่งใหม่
และความสลับซับซ้อนของกลไกการกระจายสินค้าที่มีหลายช่วงตอนกว่าถึงมือผู้บริโภค
เวลานี้ แม้จะยังไม่มีเป้าหมายเวลาแน่ชัดของการบังคับให้ผู้จำหน่ายน้ำมันเครื่องขายสินค้าชนิดท่ลดควันขาว
แต่ก็ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงได้ยาก
"ผมเห็นว่า รัฐบาลควรลงมาดูด้านภาษีนำเข้าเพื่อให้ราคาน้ำมันเครื่องชนิดลดควันขาวไม่สูงเกินไปกับผู้บริโภคท่ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีฐานะยากจน
หาเช้ากินค่ำ" บุญเอก โฆษานันตชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท อาร์เอซี
เทรดดิ้ง ผู้จำหน่ายน้ำมันเครื่องเอลฟ์ เล่าให้ฟังถึงผู้ใช้น้ำมันเครื่องรถมอเตอร์ไซค์
ภาษีนำเข้าน้ำมันเครื่องสำเร็จรูปทุกวันนี้ รัฐเก็บจากผู้ค้า 35% ของราคานำเข้า
ทั้งที่ในประกาศกระทรวงการคลังที่ 1/2531 กำหนดคุณสมบัติของวัสดุ อุปกรณ์
และเครื่องจักรที่อยู่ในข่ายได้รับการลดหย่อนภาษีนำเข้าเหลือเพียงร้อยละ
10 ต้องเป็นไปเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งในแง่การบำบัดน้ำเสีย อากาศเสีย
ขจัดกากของเสีย และขยะ การวิจัย วิเคราะห์ ตรวจวัด และการลดหรือป้องกันเสียงรบกวนในการผลิตทางอุตสาหกรรม
มองจากความข้อนี้ น้ำมันเครื่องลดควันขาวน่าจะจัดอยู่ในการบำบัดอากาศเสีย
หมายถึงว่า ประกาศการคลังฉบับนี้อนุญาตให้ลดหย่อนภาษีน้ำมันเครื่องที่ผ่านการยอมรับจากกระทรวงอุตสาหกรรมในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เหลือ
10% ของราคานำเข้าได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องมานั่งตีความกันอีก
รอก็แต่เพียงการออกประกาศมาตรฐานน้ำมันเครื่องลดควันขาวจากกระทรวงอุตสาหกรรมเท่านั้น
ตลาดน้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์ก็จะก้าวสู่การแข่งขันอีกมิติหนึ่ง