|
DTACเคาะราคาขายไอพีโอ35-42บ.ระดมทุนเฉียดหมื่นล.-จ่อเทรด22มิ.ย.
ผู้จัดการรายวัน(6 มิถุนายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
"ดีแทค" กำหนดช่วงราคาขายไอพีโอ 35-42 บาทต่อหุ้น พีอีเรโช 14 เท่า เปิดจอง 12-13 มิ.ย. ขั้นต่ำ 500 หุ้นต่อราย พร้อมเทรด 22 มิ.ย.นี้ "ซิคเว่" คาดได้เงินระดมทุน 7.8-9.3 พันล้านบาท ระบุเพิ่มมาร์เกตแคปให้ ตลท. 1 แสนล้านบาท เปรยข่าวประกาศจ่ายปันผลในรอบกว่า 10 ปี ด้านที่ปรึกษามั่นใจได้รับการตอบรับนักลงทุนเยอะ
นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) หุ้นละ 35-42 บาท โดยมีค่า P/E ที่ 14 เท่า เมื่อเทียบ กับหุ้นกลุ่มสื่อสารอยู่ในภูมิภาค 17 เท่า โดยราคาหุ้นที่ระดับสูงสุดนั้นต่ำกว่าราคา หุ้นของบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลัก- ทรัพย์สิงคโปร์ที่ 44 บาท ซึ่งคาดว่าจะสรุปราคาเสนอขายหุ้นในวันที่ 13 มิถุนายนนี้หลังก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเสร็จแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นในวันที่ 12-13 มิถุนายน ผ่านสาขาของธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทย และผ่านบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ที่เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายหุ้น โดยนักลงทุนทุกคนจะจองหุ้นได้ขั้นต่ำคนละ 500 หุ้น ซึ่งหากนักลงทุนต้องการมากกว่านี้ก็ต้อง รอผลการแรนดอม ซึ่งจะมีการประกาศ รายชื่อในวันที่ 18 มิถุนายน และจะเข้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ในวันที่ 22 มิถุนายนนี้
สำหรับการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ 222 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2 บาท บริษัทจะมีการเน้นกระจายหุ้นให้แก่นักลงทุนรายย่อยใน สัดส่วน 65% ส่วนอีก 35% เสนอขายแก่นักลงทุนสถาบัน เนื่องจากต้องการ ให้นักลงทุนรายย่อยในประเทศมีส่วน เป็นเจ้าของหุ้นของบริษัท ซึ่งนักลงทุน ต่างประเทศสนใจที่จะซื้อหุ้นของบริษัท จะซื้อได้โดยผ่านไทยเอ็นวีดีอาร์ เพราะ บริษัทมีข้อจำกัดด้านสัดส่วนการถือหุ้น ของนักลงทุนต่างประเทศเต็มเพดานแล้ว
นายซิคเว่ กล่าวว่า เงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ประมาณ 7,800-9,300 ล้านบาท บริษัทจะนำไปลงทุนในการขยายเครือข่ายในต่าง จังหวัดมากขึ้น โดยจะเน้นที่ภาคเหนือและใต้ เพื่อให้บริการของบริษัทครอบคลุมมากขึ้นในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้ของบริษัทถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมจากปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น
ด้านผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้จะส่งผลดีทางด้านเศรษฐกิจไทย โดยหลังจากการเข้าเทรดแล้วบริษัทจะมีการทำคำเสนอซื้อหุ้นและการเพิกถอนหุ้นของบริษัทยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน)หรือ UCOM ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดใช้เวลา 2 เดือน หรือเสร็จประมาณกันยายนนี้
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของ กำไรสุทธิ ของผลประกอบการปี 2550 จากที่บริษัทไม่ได้มีการจ่ายเงินปันผลมานานกว่า 10 ปี เพราะบริษัทต้องนำเงินไปชำระหนี้และขยายธุรกิจ โดยการที่บริษัทจ่ายเงินปันผลได้จากการที่บริษัทมีหนี้เหลือเพียง 3.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นหนี้สินต่อทุน (D/E) 0.8 เท่า
นายรพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทาง การเงิน กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าหุ้นของ ดีแทคจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากดีแทคมีฐานะการเงินที่แข็งแรง และมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยการระดมทุน ของดีแทคถือว่าเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาด รวม (มาร์เกตแคป) ที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 4 ปี มูลค่ามาร์เกตแคปประมาณ 1 แสนล้านบาท และจะติดอันดับ 1 ใน 15 หุ้นแรกในดัชนี SET 50
ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ ในฐานะตัวแทนการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากที่บริษัทได้มีการไปโรดโชว์ ในประเทศอังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง ซึ่งได้เข้าพบกับผู้บริหารกองทุน (ฟันด์ แมเนเจอร์) จำนวน 100 กองทุน นักลงทุนค่อนข้างตื่นเต้นกับการที่หุ้นของ ดีแทคจะเข้ามาเทรดในประเทศไทย และ นักลงทุนดังกล่าวได้มีการติงว่าหุ้นที่จัดสรรให้แก่นักลงทุนต่างประเทศน้อยไป
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|