ตลาดหุ้นไทยรอวันฟื้นหวั่นเกิดเหตุรุนแรง


ผู้จัดการรายวัน(1 มิถุนายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายถ้ำหลังคำวินิจฉัยของตุลาการฯชัดเจน เชื่อพร้อมฟื้นหลังได้อานิสงส์ตลาดหุ้นต่างประเทศพุ่ง นักลงทุนรายใหญ่ ระบุแม้จะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ยังห่วงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากนี้ ขณะที่โบรกฯตรอกย้ำ ไม่ยุบทรท.เกิดปัญหาแน่ เชื่อกระบวนการเคลื่อนไหวหรือเรียกร้องทำได้ลำบาก จับตาการดำเนินการในคดีอาญา "ทักษิณ-พจมาน" จะมีข้อสรุปอย่างไร

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเหมือนตกอยู่ในสภาพมองหาแสงสว่างจากปลายถ้ำไม่เจอ เนื่องจากประเด็นทางการเมืองที่สร้างความไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจต่อการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นยังเข้ามาถล่มตลาดหุ้นเป็นระยะ แต่หลังคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญต่อคดีที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของการเมืองซึ่งบทสรุปมีมติให้ยุบพรรคไทยรักไทย และสั่งเพิกถอนสิทธิกรรมการพรรคเป็นเวลา 5 ปี อาจจะทำให้ความมืดมิดของถ้ำที่เคยไร้แสงสว่างเริ่มกลับมามองเห็นแสงสว่างได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในมุมมองที่ต่างกันของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งความคิดที่เห็นไปในทางเดียวกันว่าเรื่องดังกล่าวจะน่าช่วยให้ความคลุมครือที่เกิดขึ้นในมาช่วงหลายเดือนมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ความไม่สบายต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากนี้ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ยังเป็นคำถามที่นักลงทุนต้องติดตามต่อไป

นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยถือได้ว่าผ่านจุดเปลี่ยนที่สำคัญไปแล้ว ความชัดเจนต่อสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นหลังคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้อาจทำให้ความคิดของนักลงทุนแตกต่างไปบ้าง กลุ่มหนึ่งมองว่านักลงทุนต่างชาติยังพร้อมที่จะเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยเพิ่มแม้ว่าคำวินิจฉัยจะสร้างความไม่สบายใจต่อการลงทุนบ้างเนื่องจากก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์คำตัดสินไม่น่าจะมีการตัดสินให้ยุบพรรคการเมือง

ทั้งนี้ ประเด็นยังสร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนในช่วงนี้ นอกเหนือจากการติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยรักไทยเดิมว่าจะมีท่าทีต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร ปัจจัยจากต่างประเทศไม่ว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นจีนหลังอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจรวมถึงการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง

"ในระยะสั้นๆเชื่อว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นในต่างประเทศหลายแห่งจะเป็นประเด็นที่เข้ามาหักร้างความกังวลต่อคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทยได้ เพราะนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างมีบทบาทต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลงของตลาดหุ้นขนาดไม่ใหญ่มาก ขณะที่หากให้มองระยะยาวเราคงปฎิเสธไม่ได้ว่าพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลคงหนีไม่พ้นพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน"นายอดิพงษ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องให้ความสนใจต่อกรณีการดำเนินคดีต่ออดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงภรรยา ในคดีอาญาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการว่าบทสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะหากไม่มีการดำเนินการใดๆอาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในการบริหารงานของรัฐบาล แต่หากมีการดำเนินการใดๆซึ่งอาจจะต้องใช้อำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนค่อนข้างชัดเจน

เชื่อความรุนแรงยังไม่ยุติ

แหล่งข่าวนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ได้มีการพูดคุยกันถึงคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นซึ่งหลายฝ่ายก็เชื่อว่ามีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งไม่น่าจะส่งผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นที่จะเปิดซื้อขายในวันนี้ไม่ปรับตัวลดลง แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นยังถือว่าสร้างความไม่สบายต่อการลงทุนมากนัก เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าไม่น่าจะมีการประกาศยุบพรรคการเมืองใดเลย

ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีคำตัดสินออกมาอย่างชัดเจนแต่เชื่อยังมีโอกาสที่อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้หลังจากนี้ เพราะกลุ่มผู้ที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทยส่วนใหญ่ไม่พอต่อคำตัดสินของศาล แต่ยังไม่กล้าที่จะดำเนินการใดๆเนื่องจากกลัวจะต้องรับโทษหากไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล

"ตราบใดที่ยังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน แม้ว่าก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีจะเคยมีการพูดมาแล้วบ้าง รวมถึงไม่มีการเลือกตั้งที่ชัดเจนเชื่อว่าความไม่สบายใจ ไม่แน่ใจก็ยังจะเกิดขึ้นต่อไป"แหล่งข่าวกล่าว

โบรกฯชี้ไม่ยุบทรท.มีปัญหา

นายฉัตรชัย กิจธิคุณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.สินเอเซีย กล่าวว่าแนวโน้มการเคลื่อนไหวของดัชนีในวันนี้คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ เนื่องจากการกรณีการตัดสินยุบพรรคมีความชัดเจน จากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เปิดเผยรายละเอียดในกรณีต่างๆระหว่าง 2 พรรคการเมืองได้อย่างครบถ้วนและมีความอย่างชัดเจน

ทั้งนี้จากการตัดสินของศาลฯนั้นทุกฝ่ายจะต้องยอมรับ เนื่องจากศาลฯสามารถที่การอธิบายในกรณีต่างๆได้ ดังนั้นต่อจากนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆที่ก่อนหน้านี้ออกมาเรียกร้องและออกมาเคลื่อนไหวเชื่อว่าจะลำบากมากขึ้นจากที่มีความชัดเจนเกิดขึ้น โดยประเมินแนวรับที่ 730-735 จุด และแนวต้านที่ 742-745 จุด

“กรณีที่จะมีการยุบพรรคหรือไม่ยุบพรรคไทยรักไทยนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะว่าศาลอธิบายให้เห็นถึงความชอบธรรมมากที่สุด โดยส่วนตัวมองว่าหากไม่ยุบพรรคไทยรักไทยก็คงต้องมีปัญหาต่อไป”นายฉัตรชัยกล่าว

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในอีก 1- 2 เดือนต่อจากนี้มองว่ายังปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องประเมินจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน เช่น การประกาศผลประกอบการ การจ่ายเงินปันผล และการเลือกตั้งช่วงปลายปี ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.