SCC ลุยธุรกิจกระดาษที่สิงคโปร์-มาเลเซีย อัดงบ320ล.ดันผลิตเพิ่มอีกปีละ5หมื่นตัน


ผู้จัดการรายวัน(29 พฤษภาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

SCC ลงทุนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนของ Sime Darby Berhad 1 และ Rengo 2 โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 320 ล้านบาท จะส่งผลให้ SCG Paper มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50,000 ตันต่อปี สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCC ที่จะขยายการลงทุนของธุรกิจหลักในภูมิภาคอาเซียน และเสริมฐานการตลาดที่แข็งแกร่งและเพิ่มความสามารถการแข่งขัน รองรับกลุ่มลูกค้าหลากหลาย

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรม-การผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) แจ้งว่าบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทเอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) (SCG Paper) และ Rengo Company Limited (Japan)(Rengo) ในสัดส่วนการถือหุ้น 70% และ 30% ตามลำดับ ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้า ซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์ในประเทศสิงคโปร์และรัฐ Selangor ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนของ Sime Darby Berhad 1 และ Rengo 2 โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 320 ล้านบาท ทำให้ SCG Paper มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50,000 ตันต่อปี

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ใน ประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการขยาย ตัวทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยปัจจุบันทั้งสองประเทศนี้ยังเป็นเป้าหมายในการเข้าลงทุนของบริษัทข้ามชาติต่างๆ ที่จะตั้งฐานโรงงานผลิต สินค้าโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอ-นิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค จึงทำให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นมากจนถึงประมาณ 1 ล้านตันต่อปี

ปัจจุบัน บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย โดยมีโรงงานอยู่ 8 แห่งทั่วประเทศ มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 500,000 ตันต่อปี และยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตทั้งในและนอกประเทศเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้นมาก

โดยการลงทุนในครั้งนี้สอด-คล้องกับกลยุทธ์ของ SCC ที่จะขยายการลงทุนของธุรกิจหลักในภูมิภาคอาเซียน โดยในปัจจุบัน SCG Paper ได้ส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ ไปยังสองประเทศนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 90,000 ตันต่อปี ดังนั้นการลงทุนนี้ จะทำให้ SCG Paper มีฐานการตลาด ที่แข็งแกร่งและมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายซึ่งรวมถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้สินค้าที่มีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นด้วย

นายเชาวลิต เอกบุตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าไปซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์ดังกล่าว เนื่องจาก เจ้าของเดิมคือ Sime Darby ต้องการเลิกธุรกิจดังกล่าว และสอดคล้องนโยบายของเครือซิเมนต์ไทยที่ ต้องการเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคนี้ ซึ่งเอสซีจี เปเปอร์มีศักยภาพในการ ขยายธุรกิจไปได้ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการเจรจาขอซื้อกิจการมาระยะหนึ่งแล้ว

หลังจากบริษัทฯเข้าไปบริหารจัดการในบริษัทดังกล่าวแล้ว ก็จะเน้นการทำสินค้าคุณภาพสูง(high value) เพิ่มขึ้น รวมทั้งนำจุดแข็งของ เอสซีจี เปเปอร์เข้ามาช่วย เช่น ทีมออกแบบบรรจุภัณฑ์ ขณะเดียวกันก็จะมองลู่ทางการขยายธุรกิจต่อไป โดยไม่ให้เกิดความเสี่ยง ซึ่งอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในตลาดสิงคโปร์และมาเลเซีย มีการขยายตัวตามเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมองในแง่ปริมาณอาจไม่มาก แต่คุณภาพกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตส่วนใหญ่เป็นสินค้าคุณภาพสูง และมีแนวโน้มพัฒนาไปได้อีกมาก

นอกจากนี้ บริษัทฯมีการส่งออก กระดาษไปจำหน่ายยัง 2 ประเทศ ดังกล่าวอยู่แล้วในแต่ละปี ซึ่งการมีโรงงานทำบรรจุภัณฑ์ที่นั่นจะช่วยเกื้อหนุนระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณการส่งออกกระดาษของเอสซีจี เปเปอร์คงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

"เอสซีจี เปเปอร์ถือว่าเป็นผู้นำใน ธุรกิจผลิตกล่องลูกฟูกรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว ส่วนกระดาษพิมพ์เขียนยังเล็กอยู่ และธุรกิจแพกเกจจิ้งก็มีการขยายทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องนโยบายของเครือฯที่จะเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้"

หมายเหตุ (1)Sime Darby Berhad เป็นเครือบริษัทชั้นนำในประเทศมาเลเซียซึ่งมีธุรกิจหลักคือ การปลูกพืชเศรษฐกิจอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมหนัก มอเตอร์ พลังงาน และสาธารณูปโภค โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มียอด-ขายต่อปีประมาณ 200,000 ล้านบาท

(2)Rengo Company Li-mited เป็นบริษัทชั้นนำด้านบรรจุภัณฑ์ในประเทศญี่ปุ่นและในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งมียอดขายต่อปีรวมทั้งสิ้นประมาณ 120,000 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.