ธุรกิจอสังหาฯเริ่มใส่เกียร์ว่างรอผลคดียุบพรรค-หากสงบพร้อมลงทุนเพิ่ม


ผู้จัดการรายวัน(29 พฤษภาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

อสังหาฯ "ใส่เกียร์ว่าง" พร้อมเดินหน้า-ถอยหลัง ตามสถานการณ์การเมือง นักวิชาการแนะพัฒนาบุคลากร คุณภาพ ปรับตัว พร้อมรับทุกสถานการณ์ ชี้งานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ สะท้อนกำลังซื้อยังมี พื้นฐานเศรษฐกิจดีอยู่ แต่ประชาชนหวั่นปัญหาการเมือง ด้านผู้บริหารเอกชนแห่งหนึ่ง ชี้ปัญหาหลักของประเทศขณะนี้คือ เรื่องเศรษฐกิจ ค่าเงินบาท และผลลัพธ์ของการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใด ยอมรับ 6 เดือนข้างหน้าผู้ประกอบการต้องประคองตัวเองให้รอด ด้านธุรกิจรับสร้างหนักใจ ลูกค้าชะลอตัดสินใจสั่งสร้างบ้านไปกว่า 50%

เหลือเพียงอีก 1 วัน ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการวินิจฉัยเกี่ยวกับคดียุบพรรคการเมืองในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ทำให้หลายฝ่าย ต่างเฝ้าติดตามกับผลการตัดสินคดีดังกล่าวจะออกมาในรูปแบบใด และผลต่อเนื่องจากคำวินิจฉัยจะก่อผลในเชิงบวกหรือเชิงลบต่อประเทศและเศรษฐกิจระดับแค่ไหน

ในประเด็นดังกล่าว รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ "กูรู"ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ให้ภาพถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่า ภาวะของธุรกิจอสังหาฯในปัจจุบันมีการชะลอตัวหรืออยู่ในภาวะใส่เกียร์ว่าง เพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะเป็นไปในทิศทางใด โดยเฉพาะการตัดสินคดียุบพรรค ซึ่งไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า การตัดสินคดีจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งประเด็นที่ทุกคนหวาดกลัวคือ ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลังจากการตัดสินคดี

" ตอนนี้ทุกคนใส่เกียร์ว่าง เพื่อรอดูว่าการตัดสินคดีจะออกมาในรูปแบบใด และจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นตามมาหรือไม่ หรือว่าเมื่อตัดสินคดีจบแล้วทุกอย่างมีความชัดเจน เศรษฐกิจเดินหน้าได้ ตอนนี้ทุกคนรอดูว่าจะใส่เกียร์เดินหน้า หรือใส่เกียร์ถอยหลัง ไม่มีใครรู้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด" กูรูแหล่งวงการอสังหาฯกล่าว

ทั้งนี้ ในภาวะที่ทุกอย่างอึมครึมหรืออยู่ในช่วงรอดูความชัดเจน ผู้ประกอบการควรใช้ช่วงเวลานี้ หันมาปรับปรุงธุรกิจและพัฒนาศักยภาพ ทั้งในเรื่องของบุคลากรและระบบการบริหารจัดการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมหรือถอยหลังตั้งหลัก หากสถานการณ์เลวร้ายลง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของไทยอยู่ในช่วงไม่สงบ แต่ในส่วนของเศรษฐกิจแล้ว ประเทศไทยถือว่ายังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ด้านการเงินได้ดีพอสมควร นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาผลจากการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 16 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อบ้านยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะอยู่ในภาวะที่ทุกอย่างชะลอตัว ทั้งในแง่ของผู้เข้าชมงาน ยอดขายภายในงานที่คาดว่าจะเกิน 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้จากยอดขายภายในงานยังสะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อได้ย้ายจากตลาดบ้านหลังใหญ่มาเป็นบ้านหลักเล็กลง ราคาถูกลง หรือโยกตลาดบ้านเดี่ยวมาเป็นทาวน์เฮาส์ - คอนโดมิเนียมมากขึ้น

"ส่วนของเหตุระเบิดในจังหวัดหาดใหญ่หรือในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องอยู่กับปัญหาให้ได้ และทำให้ดีที่สุดไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุระเบิดที่ไหนอีกบ้าง ทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าระวังไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องสามัคคีกัน ไม่ใช่มาทะเลาะกัน " อ.มานพกล่าวทิ้งท้าย

ผลยุบพรรคทำให้เกิดความเชื่อมั่น

ด้านนายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทในเครือแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจว่า ความชัดเจนจากการตัดสินยุบพรรค จะทำให้เกิดความชัดเจนระดับหนึ่ง ไม่ว่าผลทางการเมืองจะออกมาอย่างไร เมื่อเกิดความชัดเจนด้านใด ก็จะส่งผลในด้านบวกกับเศรษฐกิจของไทย เพราะจะสร้างความมั่นใจและชัดเจนให้แก่ประชาชนและผู้ลงทุน

ทั้งนี้ ความต่อเนื่องจากการวินิจฉัยคดียุบพรรค จะมีความชัดเจนระดับหนึ่ง คือ การประกาศเลือกตั้ง ซึ่งหากมีการระบุวันให้มีการเลือกตั้ง จะยิ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้เพิ่มมากขึ้น โดยหลังจากที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา เชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับฟื้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะจะได้ผลบวกจากการกระตุ้นจากการลงทุน ไม่ว่ารัฐบาลดังกล่าว จะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม

" ส่วนผลกระทบในระยะสั้น คาดว่าประชาชนและนักลงทุนยังไม่มั่นใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หลังจากการมีตัดสินคดียุบพรรค อย่างไรก็ตาม ตนหวังว่า ทุกฝ่ายควรยอมรับการตัดสิน เพราะจะช่วยให้ความไม่สงบหรือเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น คลี่คลายไปในทางที่ดี และแม้ว่าการตัดสินดังกล่าว จะออกมาในรูปแบบใด ย่อมสร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มที่เสียประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นจะพรรคที่ถูกตัดสินให้ถูกยุบพรรคหรือไม่ก็ตาม

แหล่งข่าวระดับสูงในวงการอสังหาฯ กล่าวว่า สิ่งที่บริษัทต่างๆ ควรเร่งดำเนินการ คือ การปรับธุรกิจให้กับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ผลกระทบหลังจากการประกาศยุบพรรค จะมีปฎิกิริยาจากกลุ่มที่เสียประโยชน์อย่างไรบ้าง

" ยอมรับว่าเหตุการณ์ขณะนี้ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้า แต่ใช่ว่าผู้ซื้อจะกลัวจนไม่กล้าซื้อที่อยู่อาศัย เพราะบ้านก็คือปัจจัยสี่ที่สำคัญ แต่สิ่งภาคธุรกิจมองอยู่ในตอนนี้ คือ ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่า เศรษฐกิจ และความชัดเจนในการเลือกตั้ง ย่อมรับใน 6 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการอสังหาฯต้องประคองธุรกิจให้อยู่รอด ซึ่งเราจะเห็นได้จากในช่วงไตรมาสแรก รายได้ของบริษัทอสังหาฯเติบโตช้าลงมาก "แหล่งข่าวกล่าว

ลูกค้ารับสร้างบ้านหดตัวจากปัญหาการเมือง

นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือพีดี เฮ้าส์ กล่าวว่า จากปัญหาความไม่สงบทางการเมือง ส่งให้ลูกค้าของบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ระหว่างตัดสินใจก่อสร้างบ้านชะลอการการตัดสินใจออกไปกว่า 50% หรือลูกค้าบางรายที่ขาดเงินอีกไม่มาก แต่ต้องสร้างสร้างบ้านตามงบประมาณที่ตั้งไว้ ก็ต้องยอมที่จะสร้างบ้านหลังเล็กลงตามกำลังเงินที่มีอยู่ เนื่องจากไม่มั่นในใจภาวการณ์เมืองรวมไปถึงรายได้ในอนาคตของตนเองหากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ภาวะดังกล่าวทำให้เสียโอกาสทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าเอง แต่ในรายที่มีเงินออมและมีแผนที่จะสร้างบ้านอยู่แล้ว ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ดังนั้นผู้ประกอบการรับสร้างบ้านควรต้องพัฒนาตนเองมีคุณภาพ พยายามหาตลาดใหม่มาทดแทน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.