การวาดรูปอาจเป็นเรื่องง่าย ๆ ของใครบางคน แต่สำหรับคนเก่งจนได้รับสมญาว่า
"ซุปเปอร์เค" เช่นเกษมแล้ว มันกลับไม่ใช่เรื่องง่าย
นอกจากกีฬาเทนนิสกับกีฬากอล์ฟ ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ และมีก๊วนกอล์ฟ ที่เล่นเป็นประจำมานานแล้ว
วันนี้เกษม จาติกวณิช ประธานกรรมการบริษัท BTSC วัย 75 ปี กำลังมีความสุขกับการวาดรูป
พรสวรรค์ ที่เป็นเลิศอีกอย่างหนึ่งของตนเอง ที่เพิ่งค้นพบ
เกษมมีความเชื่อมาเกือบตลอดชีวิตว่าตนเองเป็นคนที่ไม่มีความสามารถพิเศษทางด้านการใช้มือเอาเสียเลย
ในวัยเด็กสมัย ที่ยังเรียน ที่อัสสัมชัญนั้น เมื่อถึงชั่วโมงวาดเขียนเป็นชั่วโมง ที่เขาไม่เคยมีความสุขเลยเพราะวาดรูปไม่เคยได้ดี
แต่ก็มีรูปส่งอาจารย์ได้ตลอด เพราะนาทีสุดท้ายได้อาศัยเด็ก ที่บ้านวาดให้ทุกครั้งไป
ก็เลยเป็นสิ่งที่ฝังใจว่าวันหนึ่งจะต้องทำเรื่องนี้ให้ดีให้ได้ แต่ด้วยภาระหน้าที่ และบทบาท ที่สำคัญแต่ละอย่างที่รับผิดชอบ
ทำให้ไม่มีเวลาทำเรื่องดังกล่าวตาม ที่ตั้งใจจนได้
เกษมเป็นลูกชายของพลตำรวจโทพระยาอธิกรณ์ประกาศ และคุณหญิงเสงี่ยม อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความซื่อสัตย์
และเป็นคนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาของลูกๆ อย่างมาก เกษมได้ไปศึกษาต่อ ที่ฮ่องกงตั้งแต่จบชั้นม.2
โรงเรียนอัสสัมชัญ และเข้าเรียนต่อ ที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง แต่เรียนได้ไม่ถึงปีก็หยุด
เพราะเกิดสงครามโลกครั้ง ที่ 2 เลยกลับมาเมืองไทยเข้าศึกษาต่อ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า และได้รับทุนจากกระทรวงอุตสาหกรรม ไปเรียนต่อ ที่มหาวิทยาลัยยูทาห์
สหรัฐอเมริกา ทางด้านไฟฟ้าพลังน้ำ
ด้วยวัยเพียง 35 ปี เขาได้เป็นผู้อำนวยการกองพลังน้ำคนแรก ที่ยังหนุ่ม หน้าตาดี
และมีความสามารถอย่างมาก ผลงานเด่นก็คือ การรับผิดชอบการสร้างเขื่อนยันฮี
และโรงไฟฟ้าบางกรวย หลังจากนั้น ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการการไฟฟ้ายันฮี
และเมื่อปี 2512 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยคนแรก
และอยู่ในตำแหน่งนี้นานถึง 16 ปีเต็ม
ทางด้านการเมือง เกษมเคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายก
ในสมัยพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
หลังจากเกษียนอายุการทำงานแล้ว เขาได้เข้าไปเป็นประธานกรรมการ และกรรมการอำนวยการของบริษัทไทยออยล์
และปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริษัท BTSC เจ้าของโครงการรถไฟฟ้ากทม. ประธานบริษัทผลิตไฟฟ้าอิสระประเทศไทย
และประธานกรรมการบริษัทไทยคาร์บอน จำกัด
และเวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานหลาย 10 ปีจนกระทั่งบ่ายวันหนึ่งเมื่อประมาณ 2
ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ ที่บ้านในโครงการเลควูด
ถนนบางนาตราด บ้านหลังนี้ติดกับสนามกอล์ฟ เมื่อคุณเกษมมองออกไปทางหน้าต่างจะเห็นต้นไม้ใบหญ้าที่สุดแสนจะร่มรื่น
ก็เกิดอารมณ์สงบ และอยากวาดรูปบรรยากาศรอบๆ บ้านขึ้นมาทันที
เป็นการได้เริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำได้ดี ทั้งๆ ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ
ในหน้าที่การงาน ทำในสิ่งที่ว่ายากนักยากหนาได้สำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง จนกระทั่งได้ฉายาว่า
"ซุปเปอร์เค" ด้วยซ้ำไป ซึ่งรูปแรก ที่วาดจนสำเร็จนี้ เป็นการวาดด้วยหมึกใช้พู่กัน ที่เด็กๆ
ใช้วาดเขียนทั่วไป และไม่มีอุปกรณ์อื่นๆ อีกเลย
"พอวาดเสร็จก็มีความคิดว่าเอ๊ะเราก็วาดได้ดีนี่
มันก็พอไปได้ทีนี้ก็เลยมีกำลังใจวาดไปเรื่อยๆ" เกษมเล่าให้ "ผู้จัดการ"
ฟังถึงงานวาดรูปชิ้นแรก ที่ยังติดอยู่ ที่บ้านด้วยความภาคภูมิใจ และผู้ที่มีส่วนช่วยให้การวาดรูปของเกษมเป็นจริงเป็นจังขึ้นก็คือ
คุณหญิงชัชนี จาติกวณิช ภรรยาผู้คอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอด 40 กว่าปีที่ผ่านมา
และเป็นผู้หญิงเก่งอีกคนหนึ่งในวงการธุรกิจ และขณะนี้ยังเป็นแกนนำของชมรม
OPPY (Old People Playing Young) ซึ่ง เป็นโครงการอบรมความรู้แก่ผู้สูงอายุให้มาใช้อินเตอร์เน็ตอีกด้วย
คุณหญิงได้อ่านแมกาซีนเล่มหนึ่ง ซึ่งสัมภาษณ์ภรรยาของชาญ อิสสระ ที่ชอบวาดรูปอย่างมาก
ในบทสัมภาษณ์มีการเอ่ยถึงอาจารย์นุกูล ปัญญาดี ซึ่งเป็นศิลปินด้วยคุณหญิงก็เลยได้โทรไปหาอาจารย์นุกูลคนนี้ให้มาช่วยสอนเกษมอาทิตย์ละครั้ง
ฝีมือในการวาดรูปของเกษมก็เลยพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ นับแต่นั้น มา และยังเป็นผู้เอารูปทั้งหมดเข้าอินเตอร์เน็ตด้วย
เพื่อให้บรรดามวลหมู่สมาชิกของ OPPY ตำหนิ ติ และก็ชมเชย
ฝีมือการป้ายพู่กันในรูปของเกษมนั้น นุกูลได้เคยวิจารณ์ไว้ว่าแสดงถึงความมั่นใจ
และความเป็นผู้นำอย่างมาก
ทุกวันนี้เกษมก็เลยกลายเป็นศิลปินรับเชิญ เพื่อไปเปิดงานทางด้านนิทรรศการศิลปกรรม
หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเมื่อไปงานไหนเขาก็จะต้องมีรูปไปร่วมงานด้วยทุกครั้งไป
ปัจจุบันเขาได้วาดรูปไปแล้วประมาณ 60 รูป เฉลี่ยแล้วประมาณอาทิตย์ละ 1 รูป
โดยจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงดูทีวีตอนกลางคืน และเวลาว่างวันเสาร์ อาทิตย์
เมื่อก่อนรูปหนึ่งๆ จะใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง แต่ขณะนี้ได้ใช้วลา ที่มากกว่านั้น เพราะว่าเป็น
รูป ที่วาดใหญ่ขึ้น จาก ที่นั่งอยู่บนโต๊ะวาดในบ้าน ตอนนี้เกษมเริ่มหาวิวทิวทัศน์วาดรอบๆ
บ้าน ที่เลควูด ซึ่งมีความเงียบสงบ และยังได้เดินออกกำลังกายไปในตัวด้วย
"รูป ที่วาดทั้งหมดมี ที่แขวนนะก็คือ ที่ออฟฟิศ
เพราะ ที่ออฟฟิศ บนผนังเมื่อก่อนนี้จะเต็มไปด้วยรูป ที่ไทยออยล์ซื้อมาแพงๆ
พอเขาปรับโครงสร้างหนี้ ก็เลยเก็บรูปไปขายหมด เราก็เลยมีโอกาสเอารูปเราไปติดแทนมันก็เลยเป็นการบังคับคนดู
แต่ก็ติดได้ไม่นานก็มีคนมาขอ พอขอก็ให้" เกษมเล่าไปหัวเราะไปอย่างผู้ที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน
รูปวาดส่วนใหญ่ของเกษมจะใช้สีน้ำวาด เพราะติดใจกับความสดใสของสีสันต่างๆ
มากกว่าสีน้ำมัน ซึ่งจะดูทึบทะมึน และเขาบอกว่าวาดได้ยากกว่าสีน้ำ
ในปีค.ศ.2000 นี้ คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ได้มีความคิดขึ้นว่าปีนี้บริษัทล็อกซเล่ย์
จำกัด (มหาชน) น่าจะมีของขวัญปีใหม่ ที่มีสัญลักษณ์ และมีความหมาย ก็เลยได้
ความคิดเกี่ยวกับ "สะพาน" ว่าสะพานข้ามน้ำเป็นสัญลักษณ์การข้ามอุปสรรคขวางกั้นไปสู่จุดมุ่งหมาย
และการเชื่อมโยงสิ่งตรงข้ามมา เพื่อสร้างเอกภาพอันกลมกลืนมั่นคง และก็น่าจะเป็นรูปวาดฝีมือของเกษม
เกี่ยวกับสะพานต่างๆ ในเมืองไทย แล้วเอารูปภาพนั้น มาทำเป็นปฏิทิน
เป็นอีกผลงานหนึ่ง ที่เกษมภูมิใจ และเซ็นชื่อมอบให้ใครๆ ด้วยความเต็มใจ
และมีความสุข
"ตอนนี้คุณหญิงเขาก็เริ่มวาดเหมือนกันนะ รูปจะดีกว่าเราอีก
นี่คนนี้แอบดูครูสอน แอบไปได้หน่อยก็เลยเปิดตัวกับครู ตอนนี้ลูกศิษย์เลยเป็น
2 คนแล้ว แต่คุณหญิงตอนเรียนอยู่ ที่มาแตร์เดอีก็มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว แล้ววาดละเอียดของผมวาดแบบไม่ละเอียด"
เกษมกล่าวถึงคู่ชีวิตอย่างชื่นชม
ชีวิตหลังเกษียณของเกษมแม้ยังไม่มีเวลาได้รีไทร์ตัวเองอย่างจริงจัง เพื่อพักผ่อนอย่างที่ต้องการ
แต่การวาดรูปก็เป็นสิ่งหนึ่ง ที่ทำให้สมองได้พัก ใจได้พัก ดังนั้น ถึงแม้ยังมีภาระหนักในบทบาทของประธานบริษัทอีกหลายๆ
บริษัท แต่ก็ยังเป็นคนสูงวัย ที่น่ารัก อารมณ์ดี เข้าใจคนอื่น และ ที่สำคัญคือ ปล่อยวาง และให้อภัย
"ระวังนะ รูปเราพอตอนตายไปแล้วมันอาจจะราคาแพงมากก็ได้นะ
หัวเราะไปให้ดีเถอะ ก่อนตายก็ไม่เอา" เกษมจบบทสนทนากับ "ผู้จัดการ"
ในวันนั้น ด้วยเสียงหัวเราะอีกเช่นเคย