|
สินค้าดี แต่ผิดเวลา
นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เรื่องใยหินที่เป็นส่วนหนึ่งของวัสดุก่อสร้าง ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายมานาน เพราะใยหินตัวนี้จากการศึกษาพบว่าเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง แต่การรับรู้กับการเลิกใช้มันไม่เกี่ยวกัน
ใยหินก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัสดุก่อสร้างมายาวนาน ท่ามกลางความสงสัยของผู้ใช้ว่า ทำไมบริษัทผู้ผลิตยังคงตั้งหน้าตั้งตาใช้กันต่อไป
"ใยหินที่ใช้ในวัสดุก่อสร้างมีหลายเกรด ส่วนที่บริษัทใช้อยู่ ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหา แต่การรับรู้ในเรื่องประเภทของใยหินไม่ชัดเจน ดูเป็นสีเทาๆ และบ้านเรายังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัดว่าใยหินมีผลกระทบต่อสุขภาพ"
วิชิต ไม้พุ่ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง อธิบายถึงความเป็นมาและเหตุผล ที่ยังใช้ใยหินในการผลิตวัสดุก่อสร้างประเภทหลังคาฝ้าผนังของเครือซิเมนต์ไทย แต่จากนี้ไปสิ่งที่ค้างคาใจผู้ใช้ก็คงหมดไป เพราะบริษัทตัดสินใจยกเลิกการนำใยหินมาผลิตวัสดุก่อสร้างแล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 เป็นต้นมา
เขาบอกว่า หลายประเทศที่พัฒนาแล้วได้ยกเลิกการใช้ใยหิน ทั้งในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ส่วนไทยยังอนุญาตให้ใช้ได้อยู่ แต่ในฐานะที่บริษัทเน้นเรื่องธรรมาภิบาลในการดำเนินงานเพื่อความสบายใจ และความมั่นใจของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์หลังคา ฝ้า ผนัง วัสดุทดแทนไม้ จึงยกเลิกการใช้ใยหินทั้งหมดและเป็นรายเดียวในประเทศไทยด้วย
ดูเหมือนว่าทิศทางน่าจะดี เพราะผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้น ได้ใช้ของที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น ตลาดก็ควรจะวิ่ง ยอดขายก็คงสูงตามไปด้วย
แต่จังหวะและเวลาของการเปลี่ยนครั้งนี้ สวนทางกับความคิดของบริษัทอย่างสิ้นเชิง
"ยอดขายสินค้ารวมในไตรมาสแรกติดลบถึง 5% ยอดขายกระเบื้องหลังคาอย่างเดียวติดลบลงไปถึง 9% ปัจจัยมาจากการก่อสร้างที่ชะลอตัวลง ความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจของผู้บริโภค คนมีเงิน แต่ไม่มีอารมณ์ซื้อ" วิชิตอธิบายภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เขายังย้ำด้วยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยที่ประเมินกันว่าจะเติบโตที่ 3% ก็พลาดเป้าไปเหมือนกัน เพราะไตรมาสแรกติดลบไปแล้ว 7%
ภาวะแบบนี้ทำให้ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่ไม่มีใยหินเป็นส่วนประกอบพลอยหดตัวไปด้วย ทั้งๆ ที่บริษัทได้วางแผนมาอย่างดีแล้วว่า สินค้าใหม่ที่ออกมาจะปรับขึ้นแค่ 5% จากสินค้าเดิม ทั้งๆ ที่ต้นทุนสูงขึ้นถึง 30% ยอมตัดราคาลงมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ยังฝืนตลาดรวมไม่ไหว
วิชิตบอกด้วยว่า โดยธรรมชาติของตลาดวัสดุก่อสร้าง ไตรมาสแรกของทุกปีคือนาทีทองในการขายของ เพราะอยู่ในช่วงฤดูร้อน การก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น แต่ปีนี้ไตรมาสแรกเงียบเหงาเป็นอย่างมาก
การตั้งความหวังว่าไตรมาสอื่นจะพลิกฟื้นกลับมาใหม่ เป็นสิ่งที่ยากมาก ลงมามากขนาดนี้ แล้วรอให้ดีดกลับ เขาเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้
ทางออกที่บริษัทสามารถทำได้ในช่วงนี้ก็คือ การปรับเปลี่ยนไปเน้นตลาดส่งออกแทน แต่ก็เป็นความหวังที่ยากเย็นเช่นกัน เพราะเปิดตลาดยาก คู่แข่งมีมาก
ส่วนสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร วิชิตบอกว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะทุกวันนี้ต้องประเมินกันเดือนต่อเดือน มีการปรับเป้าตลอด แม้ว่าจะมีการกำหนดไว้แล้วว่าปีนี้ต้องการยอดขายแค่ 6,000 ล้านบาท ลดลงมาจากปีที่แล้ว 1,000 ล้านบาทแล้วก็ตาม
"ปีนี้ยอดขายเท่ากับปีก่อน ก็พอใจแล้ว" วิชิตบอกความในใจ
บอกแล้วว่า ความหวังก็คือความหวัง ไม่ได้หมายความว่า จะทำได้ตามที่หวัง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|