|
ซีฟโก้ผนึกญี่ปุ่นรุกสิงคโปร์ลุ้นบิ๊กโปรเจกต์
ผู้จัดการรายวัน(25 พฤษภาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
“ซีฟโก้”จับมือ เรียวบิ-คิโซ ตั้งบริษัทร่วมทุน “ซีฟโก้-เรียวบิ” รุกตลาดก่อสร้างสิงคโปร์ หลังธุรกิจอสังหาฯในสิงคโปร์เริ่มฟื้น คาดขยายตังสูงถึง40% เหตุรัฐบาลสิงคโปร์หนุนตลาดอสังหาฯ เล็งรวมประมูลงานระบบฐานรากโปรเจกต์ยักษ์"บ่อนคาสิโน" มูลค่า3.6พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ดันรายได้เติบโต15%ตามเป้า พร้อมเตรียมขยายตลาดรับงานในประเทศดูไบ –เวียดนาม หลังตลาดก่อสร้างในประเทศไทยไม่โต
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างระบบฐานรากโครงการขนาดใหญ่ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดก่อสร้างในประเทศปี 2550 ว่า จะขยายตัวอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่นโยบายการดำเนินของบริษัท ต้องการขยายตัวด้านรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้ในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัทมีแผนจะขยายตลาดออกไปรับงานก่อสร้างในต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ในอนาคต โดยที่ผ่านมา บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดรับเหมาก่อสร้างในประเทศดูไบและเวียดนาม ซึ่งบริษัทมีพันธมิตรที่พร้อมจะเข้าร่วมลงทุนอยู่แล้ว
" ถึงแม้ตลาดอสังหาฯในประเทศดูไบและเวียดนามจะขยายตัวที่สูง แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของระยะทางที่ไกล บุคลากรยังไม่มีความคุ้นเคยกับทั้ง 2 ประเทศ ทำให้บริษัทยังต้องศึกษาตลาดให้ครอบคลุมก่อนจะเข้าไปทำตลาดในประเทศดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้รับการติดต่อจากบริษัท เรียวบิ-คิโซ บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านงานฐานรากในประเทศญี่ปุ่นมายาวนาน มีความสนใจที่จะเข้าไปขยายตลาดในสิงคโปร์ เนื่องจากในปี 2550 คาดว่าอัตราการขยายตัวของธุรกิจอสังหาฯในสิงคโปร์จะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากตกต่ำมาตั้งแต่ช่วงปี 2540 และจากการศึกษาตลาดของบริษัท เรียวบิ-คิโซ คาดว่าอสังหาฯในสิงคโปร์จะเติบโตสูงถึง 40% หลังจากที่รัฐบาลสนับสนุนให้ก่อสร้างโครงการบ่อนคาสิโน 2แห่ง คาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวมประมาณ 3.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และยังมีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ในบริเวณดังกล่าวด้วย" นายณรงค์กล่าว
ดังนั้น ทางบริษัทจึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับบริษัท เรียวบิ-คิโซ ภายใต้บริษัท ซีฟโก้-เรียวบิ จำกัด มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ โดยบริษัท ซีฟโก้ฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 47.5% ซึ่งจะมีการจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์
“ การร่วมทุนและเข้าไปรับงานในประเทศสิงคโปร์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทรุกไปเจาะตลาดในต่างประเทศ และเป็นโอกาสดีที่บริษัท จะได้ศึกษาและเรียนรู้การทำงานในต่างประเทศ ก่อนที่จะขยายตลาดเข้าไปในประเทศดูไบและเวียดนาม ที่มีอัตราการขยายตัวในธุรกิจก่อสร้างและขนาดตลาดที่ขนาดใหญ่มาก ”นายณรงค์กล่าว
สำหรับ บริษัทร่วมทุนที่จัดตั้ง จะดำเนินงานด้านกำแพงกันดินประเภท Diaphragm Wall ในสิงคโปร์ ซึ่งงานระบบฐานราก ถือว่ามีส่วนสำคัญในการวางรากฐานของการก่อสร้างอาคารใต้ดินในระดับที่ลึก ซึ่งในสิงคโปร์จำเป็นต้องมีงานฐานรากในทุกโครงการ เนื่องจากมีการก่อสร้างในชั้นใต้ดินแทบทุกโครงการ เพราะพื้นที่ในประเทศสิงคโปร์มีจำกัด ทำให้ต้องใช้ประโยชน์ในทุกพื้นให้คุ้มค่ามากที่สุด
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสที่2-3นี้ บริษัทจะเข้าไปประมูลงานก่อสร้าง 2โครงการ คือ โครงการก่อสร้างเขื่อนกันน้ำทะเล มูลค่า 900 ล้านบาท และโครงการอาคารสูง มูลค่า200ล้านบาท ส่วนงานระบบฐานรากโครงการคาสิโนนั้น จะมีการเปิดให้ยื่นซองประมูลในเร็วๆนี้ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า จะสามารถได้งานระบบฐานรากในโครงการก่อสร้างดังกล่าวแน่นอน ซึ่งเฉพาะมูลค่างานระบบฐานรากจะมีมูลค่าประมาณ 10% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด โดยงานที่บริษัทเข้าไปประมูลทั้งหมดนี้ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้บางส่วนในปี 2550 ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทจะเติบโต 15% ตามเป้าที่วางไว้
สำหรับ บริษัท ซีฟโก้ฯ เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาและงานเสาเข็มรายใหญ่ในตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 45% โดยรายได้หลักประมาณ 80% จะมาจากการรับเหมาก่อร้างระบบฐานรากในโครงการของเอกชน ส่วนที่เหลืออีก 20% จะมาจากงานก่อสร้างในโครงการภาครัฐ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 15% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,600ล้านบาท สำหรับไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 712.3 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา 75.48% และมีกำไรสุทธิ 60.44ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปี49ประมาณ 90%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|