แอคคอร์สยายปีกอีบิสรับตลาดโลว์คอสต์บูม


ผู้จัดการรายวัน(18 พฤษภาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

แอคคอร์เร่งสยายปีกโรงแรมราคาประหยัด "อีบิส" ในประเทศไทย ระบุเพื่อรองรับอัตรานักท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นจากการขยายเส้นทางบินของสายการบินโลว์คอสต์ เผยจุดขายสำคัญ คือเป็นแบรนด์ระดับอินเตอร์ในราคาโลคัลแบรนด์ เผยล่าสุดจับมือกลุ่มเอราวัณผุด"อีบิสเ” พิ่มอีก 4 แห่งในต้นปีหน้า และ จะเพิ่มเป็น 12 แห่งในปีถัดไป

นายเรย์ สโตน รองประธานอาวุธโส ฝ่ายขายและการตลาด แอคคอร์เอเชียแปซิฟิค เปิดเผยว่า กลุ่มแอคคอร์จะให้ความสำคัญกับการลงทุนเปิดโรงแรมอีบิส ในประเทศไทย และในภูมิภาคนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสต์)ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทั้งนี้โรงแรมอีบิส เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ของโรงแรมในกลุ่มแอคคอร์ เป็นโรงแรมราคาประหยัดระดับ 3 ดาว ที่มีราคาห้องพักต่อคืนประมาณ 900-1,000 บาท

"ปัจจุบันสายการบินโลว์คอสต์ เปิดเส้นทางบินเข้ามาประเทศไทยมาก ขณะที่สายการบินปกติ จะมีผู้โดยสารที่นั่งชั้นประหยัดในสัดส่วนถึง 80% ของจำนวนผู้โดยสารต่อไฟล์ท ทั้งหมดเป็นการช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวให้เข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยปีก่อน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาประเทศไทยมีการเติบโต 12-20% และ นักท่องเที่ยวเหล่านั้นย่อมรู้จักแบรนด์อีบิสเป็นอย่างดี จึงเลือกที่จะเข้ามาใช้บริการ ซึ่งหากจะมองว่าเป็นการเข้ามาแข่งขันกับโรงแรมโลคัลในตลาดล่างซึ่งเป็นของคนไทยนั้น คิดว่า น่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันทางการตลาดกันมากกว่า ผู้ประกอบการคนไทยก็จะได้เร่งพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น"

โดยนับจากนี้ถึงไตรมาสแรกของปีหน้า แอคคอร์ จะเปิดโรงแรมอีบิสในประเทศไทยอีก 4 แห่ง โดยได้เซ็นสัญญากับ บริษัท เอราวัณ จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเป็นผู้พัฒนา ส่วนแอคคอร์จะเป็นผู้บริหาร ทั้ง 4 แห่งที่จะเปิดได้แก่ พัทยา จำนวน 200 ห้อง ,ภูเก็ต 250 ห้อง ,เกาะสมุย 200 ห้อง และ ถนนสาทร กรุงเทพฯ 200 ห้อง ซึ่งจะทำให้ในปี 2551 จะมีโรงแรมอีบิสในประเทศไทยเพิ่มเป็น 6 แห่ง เพราะปัจจุบันมีอยู่แล้ว 2 แห่ง ที่ หัวหมาก ถ.รามคำแหง และ ที่ราชปรารภ และ แอคคอร์ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2553 จะมีโรงแรมอีบิสในประเทศไทยอย่างน้อย 12 แห่ง

"ขณะนี้เรามีโรงแรมอีบิสกว่า 60 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค นอกจากนั้นยังมีที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและกำลังวางแผนก่อสร้าง ซึ่งอีบิสได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงแรมราคาประหยัด ที่ลูกค้าให้การตอบรับดี ทั้งในประเทศไทย และ ประเทศอื่นๆ เช่น จีน เกาหลี ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร ยุโรป ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ในอนาคตเปิดที่อินเดีย"

อย่างไรก็ตามโรงแรมแบรนด์อื่นๆของแอคคอร์ ก็จะยังเดินหน้าขยายงานต่อ เช่น แบรนด์ ออลซีซันส์ จะเปิดอีก 3 แห่งในไทย คือที่ ภูเก็ต ,สาทร กรุงเทพฯ และ ออลซีซันส์โกลด์ ออร์คิด กรุงเทพฯ จากปัจจุบันมีเปิดแล้ว 1 แห่ง ที่พัทยา โดยแอคคอร์ตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2554 แอคคอร์จะมีโรงแรมในประเทศไทยอย่างน้อย 44 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 30 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่ในประเทศอื่นๆละแวกภูมิภาคเอเชีย แอคคอร์ก็ได้มีการลงทุนเปิดโรงแรมเพิ่มเช่นกัน เช่นที่สิงคโปร์ จีน และอินเดีย ใช้งบลงทุนกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในประเทศไทยจะเป็นการรับบริหาร

จุดแข็งของแอคคอร์ ที่เหนือคู่แข่งขันในตลาดธุรกิจโรงแรม คือ ระบบเครือข่าย ซึ่งแอคคอร์มีโรงแรมในเครือกระจายอยู่ทั่วโลกกว่า 4,000 แห่ง มีระบบบุ๊คกิ้งที่ครอบคลุมทั้งเครือข่าย และจะเสนอขายเป็นแพกเกจให้แก่ลูกค้า ดังนั้นไม่ว่าลูกค้าจะเดินทางไปประเทศใดๆในโลกก็จะมีโรงแรมในเครือของแอคคอร์ให้บริการ ซึ่งภาคเอกชนของคนไทยก็ควรที่จะหันมาสนใจและพัฒนาระบบการจอง หรือการเข้าเป็นเครือข่ายการจอง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.