"ยักษ์ใหญ่ GM เริ่มสนใจตลาดรถไทย"


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2536)



กลับสู่หน้าหลัก

อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยเพิ่มสูงขึ้น 30% เมื่อปี 2535 และเป็นที่คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 20% ในปีนี้

ตัวเลขเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องประกาศ ทุกคนคงทราบดีอยู่แก่ใจจากปริมาณรถยนต์บนท้องถนนและสภาวะการจราจรติดขัดที่รุนแรงขึ้นทุก ๆ วันและยากที่จะเยียวยาแก้ไข

เจนเนอรัลมอเตอร์ส (จีเอ็ม) ผู้จำหน่าย รถยนต์ทั่วโลกได้มากกว่าผู้ผลิตรายอื่น ๆ คือประมาณ 17% ของตลาดโลก ซึ่งรวมแล้วมากกว่านิสสันและฮอนด้ารวมกัน ได้เข้ามาทำธุรกิจอย่างเป็นกิจจะลักษณะในไทยด้วยการก่อตั้งบริษัท เจนเนอรัลมอเตอร์ส (ประเทศไทย) ขึ้นในเดือนมิถุนายน 2535

ดูเหมือนว่าจีเอ็มจะเริ่มให้ความสนใจตลาดรถยนต์ไทยอย่างจริงจัง

ก่อนหน้านั้นจีเอ็มมีเพียงสำนักงานตัวแทน จนปี 2535 จึงยกระดับขึ้นเป็นบริษัท ทำหน้าที่นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าของจีเอ็มภายในประเทศไทย โดยผ่านตัวแทนจำหน่าย และผู้ประกอบและจำหน่าย

สินค้าที่จำหน่ายเป็นหลักในเวลานี้คือรถยนต์โอเปิ้ลรุ่น คาเดท เคลิบร้าและโอเมก้า ในอนาคตจะเพิ่มโฮลเด้นคาเล่ย์ด้วยการนำเข้าจากเจนเนอรัลมอเตอร์สโฮลเด้น ออโตโมทีฟซึ่งเป็นบริษัทสาขาของจีเอ็มในประเทศออสเตรเลีย

รถยนต์เหล่านี้ประกอบที่บริษัทบางชัน เจนเนอรัล แอสแซมบลี้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของพระนครยนตรการผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โอเปิ้ลและโฮลเด้นของจีเอ็ม

นอกจากนี้จีเอ็มยังมีนโยบายที่จะนำรถที่มาจากสาขาในอเมริกาเหนือเข้ามาจำหน่ายในไทยด้วยคือ เชฟโรเลต ปอนเตี้ยก โอลด์สโมบิลและบิวอิก ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จีเอ็มจากโซนนี้คือยูนิเวอร์แซลมอเตอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายมาแต่ปี 2517

ต่อนี้ไปถนนเมืองไทยก็จะมีรถยนต์รูปร่างหน้าตาแปลก ๆ มาจอดติดบนถนนให้ชมกันอย่างเพลิดเพลิน

ธุรกิจนอกเหนือจากเรื่องรถยนต์ของจีเอ็มในประเทศไทยคือ บริษัทฮิวจ์ แอร์คราฟท์ ผู้จัดหาดาวเทียมสื่อสารระบบโทรคมนาคมและเรดาร์ให้ไทย

บริษัทเดลโก อิเลคทรอนิค ผู้ซื้อเซมิคอนดักเตอร์จากไทยเพื่อใช้กับวิทยุและระบบควบคุมอิเลคทรอนิค

แอลลิสัน แกสเทอร์บิน ดิวิชั่นเป็นผู้จัดหาเครื่องบินเครื่องจักรพร้อมชิ้นส่วนอะไหล่ในงานอุตสาหกรรม

แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่ในตลาดรถยนต์โลก โดยมีตัวเลขการขายรถยนต์และรถบรรทุกมากกว่า 7 ล้านคันในปี 2534 คิดเป็นมูลค่า 123,000 ล้านดอลลาร์แต่สำหรับตลาดรถยนต์เมืองไทยนั้นยังเป็นที่สงสัยยิ่งนักว่ายักษ์ใหญ่ตนนี้จะรุกตลาดไทยได้มากน้อยเพียงใด

สถิติการจองรถเมอร์เซเดส เบนซ์ W 201 รุ่น 190E ซึ่งเป็นรุ่นเก่าที่เพิ่งจะมีแคมเปญเมื่อกลางเดือนมกราคมชี้ให้เห็นรสนิยมวิไลของผู้มีอันจะกินในกรุงเทพมหานคร ว่ายังปักใจชื่นชอบกับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์เหนียวแน่นเพียงไร

ยอดการจำหน่ายเมอร์เซเดสเบนซ์ของตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี 2535 นั้นสูงถึง 5,639 คัน นับเพียงสิ้นเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น

ขณะที่ RICHARD J. PAPSCOE ผู้จัดการประจำภาคพื้นเอเชียอาคเนย์บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส โอเวอร์ซี คอร์ปอเรชั่น ซึ่งดูแลจีเอ็มไทยเปิดเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่า "รู้สึกประหลาดใจมากกับเหตุการณ์นี้ ในส่วนของจีเอ็มนั้น ที่ผ่านมามียอดขายโอเปิลอยู่ 600 คันแต่ปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 คัน ในอีก 5 ปีข้างหน้าคาดหมายว่าจะทำยอดขายให้ได้ 3,000-5,000 คัน"

PAPSCOE เปิดเผยด้วยว่า "จีเอ็มไทยมีบทบาทสำคัญอย่างหนึ่งคือให้การสนับสนุนพระนครยนตรการซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายโอเปิลมาเป็นเวลานาน เช่นเรื่องการประชาสัมพันธ์ การทำตลาด และการสนับสนุนโดยตรงกับโรงงานประกอบรถของพระนครฯ รวมทั้งเรื่องการรับประกันและการให้บริการต่าง ๆ แก่ลูกค้า"

จีเอ็มไทยมีทุนจดทะเบียนไม่มากนัก ผู้ที่ลงทุนจำนวนมากคือพระนครยนตรการซึ่งทำโรงงานประกอบรถยนต์ และมีแผนการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั่วประเทศ ขณะที่จีเอ็มเป็นแบ็คอัพและดูเรื่องการนำเข้าชิ้นส่วนให้โรงงานของพระนครฯ เท่านั้น

เป็นวิธีการลงทุนที่ปลอดภัยพอสมควรเมื่อเทียบกับยอดการจำหน่ายระดับร้อย

PAPSCOE ยอมรับว่า "การลงทุนของจีเอ็มในไทยไม่ได้มีจำนวนมากมายอะไร หากจีเอ็มเข้ามาลงทุนโดยตรงนั้น เราต้องใช้เวลาและเราอาจจะยังไม่ถึงจุดที่เรายืนอยู่ในเวลานี้ ขณะที่พระนครฯ ทำไว้ดีอยู่แล้ว"

อย่างไรก็ดี PAPSCOE ยอมรับว่าตลาดรถยนต์ไทยมีการแข่งขันสูงมาก เขาเห็นว่าการโปรโมทเบนซ์ 190 E เป็นรายการที่น่าสนใจ ซึ่งเขาก็มีรายการโปรโมทกับรถโฮลเด้นเช่นกัน อย่างเช่นผู้ซื้อรถโฮลเด้นจะได้เดินทางไปออสเตรเลียหรือการซื้อรถโอเปิล คาเดทรุ่น GSI แบบไม่มีดอกเบี้ย

หากพระนครฯ สามารถเพิ่มยอดจำหน่ายโอเปิลหรือโฮลเด้นได้ถึงระดับ 4,000 คันอย่างที่กล่าวแล้ว ถึงเวลานั้น PAPSCOE เปิดเผยว่าจีเอ็มจะพิจารณาเรื่องการเพิ่มการลงทุนมากกว่านี้ในไทย "ผมยอมรับว่าส่วนแบ่งการตลาดของเราในเวลานี้ยังน้อยอยู่มาก แต่พระนครฯก็พยายามรุกอย่างหนัก และเราก็จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่" PAPSCOE กล่าว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.