|

เนสท์เล่จ้องโค่นเอนฟาโกลด์ทุ่ม200ล.ระเบิดศึกยึดตลาดรวม
ผู้จัดการรายวัน(10 พฤษภาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เนสท์เล่ ตั้งป้อมโค่นเอนฟาโกลด์เจ้าตลาดนมเด็กพรีเมียม อัดฉีด 200 ล้านบาท ระเบิดแคมเปญ “ภูมิคุ้มกันสร้างได้ ตอนเรียนรู้โลกใต้ทะเล” จ่อคิว 1-2 ปี ผงาดขึ้นบัลลังก์โกยแชร์ 14-15% สิ้นปีแชร์คอร์ปอเรตพุ่งเป็น 49% ระบุตลาดนมผง 7.8 พันล้านบาทโตน้อย ยันเศรษฐกิจซบโอกาสที่พ่อแม่จะหันไปซื้อนมผงกลาง-ล่างแทนพรีเมียมคาดคะเนได้ยาก ชี้วิกฤติเศรษฐกิจปี 40 ส่งผลนมระดับล่างโตพรวด
นางสาวดวงพร ตัณฑ์พูนเกียรติ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็ก บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนมผงสำหรับเด็กตราหมีแอดวานซ์ และคาร์เนชั่น เปิดเผยว่า นโยบายปีนี้บริษัทจะรุกตลาดนมผงสำหรับเด็กโตภายใต้แบรนด์ “ตราหมี แอดวานซ์ โพรเท็กซ์ชัน” ซึ่งเป็นนมผงในระดับเซกเมนต์พรีเมียมมากขึ้น
โดยบริษัทได้วางเป้าหมายภายในปีนี้หรือปีหน้าจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 14-15% แทนที่เอนฟาโกลด์ภายใต้บริษัทมิลล์จอห์นสันซึ่งมีส่วนแบ่ง 13% จากปัจจุบันตราหมีแอดวานซ์ โพรเท็กซ์ชันมีส่วนแบ่ง 10.4% เป็นอันดับสองของตลาด จากการเปิดตัวสินค้าลงสู่ตลาดในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมานี้
ดังนั้นปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 200 ล้านบาท แบ่งเป็น อะโบฟเดอะไลน์ 60% ผ่านการใช้งบผ่านสื่อทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุประชาสัมพันธ์ และการทำบีโลว์เดอะไลน์ 40% ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถเข้าตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยในช่วงครึ่งปีแรกทุ่มงบ 100 ล้านบาท เน้นการทำตลาดสร้างความแตกต่างจากสินค้าคู่แข่งที่เน้นการพัฒนาของสมอง ในขณะที่ของบริษัทเน้นการสร้างภูมิคุ้นกัน โดยได้ประเดิมเปิดตัวแคมเปญ “ภูมิคุ้มกันสร้างได้ ตอนเรียนรู้โลกใต้ทะเล” นำร่องส่งภาพยนตร์โฆษณา Sea World ภายใต้แนวคิด”ธรรมชาติรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อปกป้องตัวเอง ลูกรักของคุณก็ต้องการการปกป้องเช่นกัน”
“เป้าหมายของแคมเปญดังกล่าว เพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันและคุณประโยชน์ที่ลูกรักจะได้รับจากการดื่มนม และประการสำคัญมีส่วนในการเพิ่มยอดขายให้กับนมตราหมี แอดวานซ์ โพรเท็กซ์ชัน โดยแคมเปญ “ภูมิคุ้มกันสร้างได้ ตอนเรียนรู้โลกใต้ทะเล” จัดกิจกรรมในระหว่างวันที่ 23-24 มิถุนายน นี้ ที่ สยามโอเชี่ยน เวิลด์ และในระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม จัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ จัดโปรโมชัน และแจกสินค้าตัวอย่าง ทั้งนี้คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มฐานสมาชิกจาก 4-5 หมื่นรายเป็น 7-8 หมื่นราย”
สำหรับแนวโน้มตลาดนมผงสำหรับเด็กโตมูลค่า 7,800 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ถึง 4% เนื่องจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ สภาพตลาดยังไม่มีอัตราการเติบโต อีกทั้งเกิดจากอัตราการเกิดของเด็กลดลง และพฤติกรรมของเด็กดื่มนมยูเอชทีเร็วขึ้น
โดยปีนี้นมผงสำหรับเด็กโตในเซกเมนต์พรีเมียมมูลค่า 2,340 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของตลาดรวม มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ส่วนเซกเมนต์ระดับกลางมีมูลค่า 3,120 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของตลาดรวม กลับเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตน้อยสุด เพราะผู้ประกอบการหันไปทำเซกเมนต์พรีเมียมมากขึ้น อีกทั้งพ่อแม่ยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าที่มีคุณภาพให้ลูก
ส่วนเซกเมนต์ระดับล่างมูลค่า 1,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17-18% มีอัตราการเติบโตรองจากเซกเมนต์พรีเมียม อย่างไรก็ตามจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่โอกาสที่พ่อแม่จะหันไปซื้อนมผงสำหรับเด็กโตในเซกเมนต์กลางหรือล่างแทนที่เซกเมนต์พรีเมียมยังไม่สามารถคาดคะเนได้ เมื่อเทียบกับวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 เห็นชัดเจนว่าปัจจัยการตัดสินใจซื้อสินค้าของพ่อแม่คำนึงด้านราคาเป็นหลัก ส่งผลให้นมผงสำหรับเด็กในเซกเมนต์อีโคโนมีในยุคนั้นมีอัตราการเติบโตสูง สำหรับการแข่งขันในปีนี้มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการสื่อสารผ่านพ่อแม่ และตัวผลิตภัณฑ์
“ขณะนี้บริษัทยังไม่มีนโยบายจะปรับราคานมผงสำหรับเด็กโตเพิ่มขึ้น และยังไม่ได้แจ้งเกี่ยวกับการปรับราคาสินค้าขึ้นต่อกรมการค้าภายในแต่อย่างใด แม้ว่าต้นทุนในขณะนี้จะปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบและราคาน้ำมัน”
ปัจจุบันเนสท์เล่เป็นผู้นำตลาดนมผงสำหรับเด็กโต โดยครองส่วนแบ่งในเชิงคอร์ปอเรต 46% แบ่งเป็น นมผงไฟท์ติ้งแบรนด์ยี่ห้อคาร์เนชั่น 19% นมตราหมี แอดวานซ์ 16-17% และนมตราหมี แอดวานซ์ โพรเท็กซ์ชัน 10.4% ทั้งนี้สิ้นปีตั้งเป้าส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 49% ส่วนอันดับสองดูเม็กซ์ ครองส่วนแบ่ง 24-25% และมิลล์จอห์นสัน 19%
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|