ภาคผนวก 70 ปีของตระกูลจิราธิวัฒน์


บทความจาก 70 ปี จิราธิวัฒน์ Central ยิ่งสู้ ยิ่งโต. หนังสือเล่มโครงการ Manager Classic ( มีนาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

หากนับตั้งแต่จุดเริ่มต้น การก่อกำเนิดขึ้นมาของเซ็นทรัลกรุ๊ป ตั้งแต่ยุค บุกเบิกจากกิจการเล็กๆ จนเติบโตกลายเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกครบวงจรขนาดใหญ่ ที่แตกขยายสาขาออกไปเป็นจำนวนมากในขณะนี้ เซ็นทรัลกรุ๊ป จะมีอายุยาวนานถึงกว่า 55 ปี

ผ่านพ้นช่วงการเปลี่ยนแปลงมาถึง 3 ยุคด้วยกัน

ยุคเริ่มต้น (2470-2511)

ภายใต้การนำของเตียง จิราธิวัฒน์ ชาวจีนไหหลำ ที่อพยพเข้ามาสร้างรากฐาน ในประเทศไทย ในปี 2470 เขาเริ่มจากกิจการร้านกาแฟ และขายสินค้าเบ็ดเตล็ดเล็กๆ ในย่านบางขุนเทียน ฝั่งธนบุรี ก่อนข้ามฟากมาเปิด "ห้างเซ็นทรัลเทรดดิ้ง" ขายหนังสือ และสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ในตรอกโรงภาษีเก่า ถนนสุริวงศ์ ในปี 2490 ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิด ก่อนจะมาเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล

ปี 2499 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาแรกเปิดขึ้นที่วังบูรพา และขยายสาขาต่อไปอีกที่เยาวราช และราชดำริ แต่ 2 สาขา หลังนี้ต้องปิดตัวลง หลังเปิดมาได้ไม่กี่ปี เพราะที่สาขาเยาวราชเปิดในย่านคนจีน ซึ่งยังมีความนิยมในการซื้อสินค้าจากร้านค้าห้องแถว ซึ่งมีราคาถูกกว่าซื้อของห้างสรรพสินค้า ขณะที่สาขาราชประสงค์ สถานที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ดี จึงไม่สามารถสู้กับห้างไดมารู ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าจากญี่ปุ่นที่มาเปิดก่อนได้

ปี 2511 ห้างเซ็นทรัล สาขาสีลม ก็เปิดให้บริการ โดยเตียงลงทุนสร้างเป็นตึก 9 ชั้น เปิดเป็นห้างสรรพสินค้าติดเครื่องปรับอากาศแห่งแรกในย่านนี้ แต่สาขาสีลมเพิ่งเปิดให้บริการเพียงปีเดียว และผลประกอบการยังขาดทุน เตียงก็เสียชีวิตไปก่อน

ยุคที่ 2 (2511-2532)

ภายหลังการเสียชีวิตของเตียง สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ลูกชายคนโต ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลต่อจากบิดา เขาและน้องๆ ที่เริ่มทยอยเดินทางกลับมาจากการศึกษา ในต่างประเทศ ได้ช่วยกันแก้ปัญหาการขาดทุนของสาขาสีลม จนสามารถพลิกฟื้นกลับมามีกำไร

หลังจากนั้น เซ็นทรัลกรุ๊ป ภายใต้การนำของสัมฤทธิ์ พี่ชายคนโตของจิราธิวัฒน์รุ่นที่ 2 ได้เริ่มมีการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด

ในยุคนี้ ได้มีการตั้งบริษัทเซ็นทรัลดีพาทเม้นท์สโตร์ (CDS) ขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินการห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเกือบทั้งหมด โดยมีบริษัทเซ็นทรัลกรุ๊ป เป็น โฮลดิ้ง คัมปะนี มีสัมฤทธิ์เป็นประธาน

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ได้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นมาอีก 8 สาขา

สาขาที่น่ากล่าวถึง เพราะถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญทางธุรกิจของกลุ่มนี้ มีอยู่ 2 สาขา คือ ที่สาขาชิดลม และโครงการเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว

สาขาชิดลม เปิดในปี 2516 เป็นสาขา ที่ 5 ถือเป็นป้อมปราการสำคัญ เพราะเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเซ็นทรัลกรุ๊ป และเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ซึ่งเป็นบริษัทแกนนำของกลุ่มค้าปลีก

ลักษณะพิเศษของสาขาชิดลม คือ มีการแยกบริษัทออกมาดูแลเป็นการเฉพาะ คือ บริษัทห้างสรรพสินค้าชิดลม จำกัด รับผิดชอบกิจการ เฉพาะสาขานี้สาขาเดียว โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับ CDS

ห้างเซ็นทรัล สาขาชิดลมตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่เตียง จิราธิวัฒน์ ซื้อไว้นานแล้ว ในราคาตารางวาละ 7,000 บาท จากอดีตอธิบดีกรมสรรพากรผู้หนึ่ง

เล่ากันว่า เดิมที่ดินแปลงนี้มีบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง สร้างทรงเดียวกับพระราชวังที่หัวหิน เพราะออกแบบก่อสร้างโดยสถาปนิกคนเดียวกัน โดยเมื่อแรกที่เข้ามาซื้อที่แปลงนี้ เตียงได้รับปากกับเจ้าของเดิมไว้ว่าจะไม่รื้อบ้านหลังดังกล่าว แต่ต่อมาบริษัทฟิลิปส์ได้มาขอเช่าทำ Service Center ทำให้เสียหายไปบ้าง พอตกมาอยู่ในรุ่นลูกๆ ของเตียง จึงต้องรื้อเพราะความจำเป็นทางธุรกิจ

สาขาแห่งนี้ใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างครั้งแรกสูงถึง 60 ล้านบาท เป็นเงินกู้ จากธนาคารกรุงเทพ โดยหวังจะดักกลุ่มลูกค้าในย่านสุขุมวิท และเพลินจิต ที่มีกำลังซื้อสูง

"ที่สาขานี้ คุณสัมฤทธิ์ลงทุนจ้างฝรั่งมาออกแบบตกแต่งภายในตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งในขณะนั้นไม่มีใครกล้าจ้าง เพราะมันแพง แต่เราว่ามันคุ้ม" สุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ ประธานกลุ่มค้าปลีกของเซ็นทรัลคนปัจจุบัน ซึ่งดูแลสาขาชิดลมมาตั้งแต่ต้นกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ห้างเซ็นทรัล สาขาชิดลม ถือเป็นต้นแบบให้กับสาขาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาภายหลัง เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทุกสาขาของห้างเซ็นทรัล จะต้องจ้างชาวต่างชาติ มาเป็นผู้ออกแบบตกแต่งภายในก่อนจะเปิดทุกครั้ง

สาขาชิดลม เปิดให้บริการในปีแรกก็มีกำไรทันที และสาขานี้ได้กลายเป็นหัวหอกในการต่อสู้กับห้างสรรพสินค้าคู่แข่ง ที่เริ่มเข้มข้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2527

แม้สาขาชิดลมจะถูกไฟไหม้ไปครั้งหนึ่งเมื่อปลายปี 2538 สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่ก็ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาใหม่จนเปิดให้บริการได้อีกครั้ง และยังคงเป็นจุดที่สามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มค้าปลีกของ เซ็นทรัลได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจนถึงปัจจุบัน

การถือกำเนิดขึ้นของสาขาชิดลม เป็นช่วงเดียวกันกับการเกิดขึ้นของบริษัทเซ็นทรัลการ์เม้นท์แฟคตอรี่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ต่างๆ ป้อนเข้าไปขายในห้างเซ็นทรัล

บริษัทนี้ตั้งขึ้นมาเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงปี 2516 มีการปลุก กระแสชาตินิยม รณรงค์ต่อต้านสินค้าจากต่างประเทศกันอย่างกว้างขวาง ทำให้เซ็นทรัลกรุ๊ป ตัดสินใจจะเป็นผู้ผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายเอง เพื่อลดการนำเข้า

ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นธุรกิจค้าปลีกอย่างครบวงจรเป็นครั้งแรกของกลุ่มนี้และบริษัทนี้ได้พัฒนาจนกลายเป็นกลุ่มธุรกิจผลิต และค้าส่ง (Central Marketing Group ; CMG) ซึ่งเป็น 1 ใน 5 กลุ่มหลักที่ทำรายได้ให้กับเซ็นทรัลกรุ๊ปในปัจจุบัน

โครงการเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เกิดขึ้นหลังจากที่เซ็นทรัลกรุ๊ป สามารถ ชนะการประมูลเช่าที่ดินบริเวณปากทางลาดพร้าว ซึ่งขณะนั้นยังเป็นทุ่งนารกร้างว่างเปล่า จากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ โดยมีระยะเวลาการเช่า 30 ปี และสามารถ ต่ออายุการเช่าได้อีกครั้งละ 10 ปี

สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ตั้งใจจะพัฒนาที่ดินแปลงนี้เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ มีทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท

การตัดสินใจของสัมฤทธิ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางอุปสรรคจากภาวะเศรษฐกิจ ที่ตกต่ำ อัตราดอกเบี้ยสูง ประกอบกับเป็นช่วงที่นักลงทุนหวาดระแวงภัยที่จะเกิดขึ้นตามมาจากชัยชนะของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในสงครามเวียดนาม ทำให้ไม่มีใครกล้าคิดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศก็ไม่อยากสนับสนุนเงินกู้มากนัก

มีเพียงธนาคารกรุงเทพ ที่ปล่อยสินเชื่อให้ในวงเงิน 600 ล้านบาท กับธนาคารศรีนคร อีก 100 ล้านบาท

รวมทั้งเซ็นทรัลกรุ๊ป สามารถหาสถาบันการเงินจากต่างประเทศ คือ Bank of America, Societe Generale จากฝรั่งเศส และ Bank of Canada เข้ามา สนับสนุนเงินหมุนเวียนในโครงการ จนโครงการดังกล่าวสามารถเปิดดำเนินการได้ ในปี 2523

การก่อกำเนิดขึ้นของโครงการนี้ ส่งผลให้เซ็นทรัลกรุ๊ป มีการแตกกลุ่มธุรกิจ ออกมาได้อีก 3 กลุ่ม

จากเดิมที่โครงสร้างธุรกิจของเซ็นทรัลกรุ๊ป ในช่วงก่อนปี 2521 มีเพียง กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มผลิต และค้าส่ง โครงการนี้ได้ก่อให้เกิดกลุ่มโรงแรม และรีสอร์ต กลุ่มฟาสต์ฟู้ด และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเข้ามา ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มได้ขยายตัว และสามารถสร้างรายได้ให้กับเซ็นทรัลกรุ๊ป เป็นจำนวนมากในภายหลัง

โดยเฉพาะกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เป็นแกนนำ มีการวางกลยุทธ์การขยายตัวให้สอดคล้องไปกับกลุ่มค้าปลีก (CRC) โดย CPN จะเป็นหัวหอกในการเข้าไปพัฒนาพื้นที่ แล้วให้ CRC เข้าไปดำเนินธุรกิจค้าปลีก ในลักษณะของการเซ้งพื้นที่ต่อมาจาก CPN ทำให้รายได้รวมยังคงหมุนเวียนอยู่ภายในกลุ่ม

และกลยุทธ์ดังกล่าว ยังคงใช้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ยุคที่ 3 (2532-ปัจจุบัน)

ปี 2532 เป็นปีที่เซ็นทรัลกรุ๊ป เริ่มมีการเปลี่ยนรูปแบบของห้างสรรพสินค้าใหม่ แยกให้ชัดเจนจากห้างเซ็นทรัลดีพาทเม้นท์สโตร์ โดยการเปิดห้าง ZEN ขึ้นที่ศูนย์การค้า เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ห้างดังกล่าวมีรูปแบบที่แตกต่างออกมา และเน้นการขายสินค้าทันสมัย จับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นที่มีรายได้สูง

ช่วงนี้เองที่สัมฤทธิ์เริ่มรู้ตัวว่าสุขภาพไม่ดีเพราะป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ปอด ประกอบกับน้องๆ ขอให้พักผ่อน เพราะทำงานมาหนักมากแล้ว

ในกลุ่มจิราธิวัฒน์รุ่นที่ 2 ที่ทำงานอยู่ในเซ็นทรัลกรุ๊ป จึงมีการหารือเพื่อแบ่งกลุ่มความรับผิดชอบให้ชัดเจน

เดือนสิงหาคมปีเดียวกัน มีการแต่งตั้งวันชัย จิราธิวัฒน์ น้องชายคนที่ 2 เป็น ประธานบริษัทเซ็นทรัลกรุ๊ป แทนสัมฤทธิ์ และมีการแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่ม มอบหมายให้น้องๆ แต่ละคนรับผิดชอบ ประกอบด้วย

1. กลุ่มค้าปลีก (CRC) มีสุทธิชาติ เป็นประธาน

2. กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (CPN) มีสุทธิธรรม เป็นประธาน

3. กลุ่มโรงแรม และรีสอร์ต มีสุทธิเกียรติ เป็นประธาน

3. กลุ่มฟาสต์ฟู้ด มีสุทธิเกียรติ เป็นประธาน

5. กลุ่มผลิตและค้าส่ง (CMG) มีสุทธิศักดิ์ เป็นประธาน

โดยบริษัทเซ็นทรัลกรุ๊ป ยังคงบทบาทเป็นโฮลดิ้ง คัมปะนี ถือหุ้นใหญ่อยู่ในบริษัทแกนนำหลักของแต่ละกลุ่ม

การแบ่งกลุ่มที่ชัดเจนเช่นนี้ ทำให้การบริหารงานในเซ็นทรัลกรุ๊ป มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม ที่สัมฤทธิ์จะเป็นคนดูแลเองเป็นหลัก ในลักษณะเถ้าแก่ใหญ่ ก้าว เข้าสู่ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น

"บทบาทใหญ่จะตกอยู่กับบอร์ดของเซ็นทรัลกรุ๊ป ซึ่งจะเป็นคนคอยกำกับดูแล ธุรกิจแต่ละกลุ่ม จะมีการประชุมกัน แล้วประธานของแต่ละกลุ่มก็จะต้องเข้าไปนำเสนอแผนงาน งบประมาณ เพื่อให้บอร์ดซักก่อนอนุมัติ" สุทธิชาติเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังถึงลักษณะการทำงานหลังการแบ่งกลุ่ม

การแบ่งกลุ่มรับผิดชอบ เป็นการให้อิสระในการทำงานกับผู้บริหารของกลุ่มต่างๆ สามารถวางแผนงาน จัดสรรงบประมาณลงทุนของตนเอง ไม่มีการก้าวก่ายซึ่งกันและกัน แต่ในการประสานงานกันระหว่างกลุ่มจะมีการประชุมร่วมกันบ่อยครั้ง

เช่น CRC กับ CPN จะมีการประชุมร่วมกันทุก 1 เดือน และ CRC กับ CMG ก็จะมีการประชุมกัน 2 เดือนครั้ง

ส่วนระดับบริหารของเซ็นทรัลกรุ๊ป ก็มีการประชุมกันทุก 2 อาทิตย์

สัมฤทธิ์ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ กลางดึกคืนวันที่ 10 กรกฎาคม 2535

การจากไปของสัมฤทธิ์ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในเซ็นทรัลกรุ๊ป เพราะทุกอย่างได้จัดวางระบบ และแบ่งความรับผิดชอบไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่กลาง ปี 2532

เซ็นทรัลกรุ๊ป ในยุคที่ 3 นี้ การขยายงานของแต่ละกลุ่มได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้บางกลุ่ม อย่างเช่น CPN ต้องหยุดชะลอโครงการลงทุนบางโครงการลงชั่วคราว

แต่กล่าวเฉพาะ CRC แล้ว ในยุคนี้เป็นยุคที่มีการขยายตัวสูงสุด โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่ปี 2532 หลังเปิดห้าง ZEN ที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เป็นต้นมา ได้มีการ คิดค้นรูปแบบของห้างสรรพสินค้าใหม่ๆ ออกมาอีกมาก (รายละเอียดอ่านในล้อมกรอบ CRC หัวหอกธุรกิจของเซ็นทรัลกรุ๊ป)

ปี 2540 ทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจหลักของเซ็นทรัลกรุ๊ป สามารถทำรายได้รวมประมาณ 60,000 ล้านบาท

สิ้นปี 2542 รายได้รวมของทั้ง 5 กลุ่มเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มสูงขึ้น 17%

แม้เซ็นทรัลกรุ๊ป ในยุคปัจจุบัน ได้แตกธุรกิจออกมาเป็น 5 กลุ่ม แต่กลุ่มที่ทำรายได้หลักก็ยังคงเป็นกลุ่มค้าปลีก นำโดย CRC โดยมีสัดส่วนรายได้สูงถึง 74.2% และเชื่อว่ากลุ่มนี้ยังคงความเป็นแกนหลักที่สามารถทำรายได้ให้กับเซ็นทรัลกรุ๊ปสูงที่สุดต่อไปอีกในอนาคต


   
 
ประวัติการก่อตั้งและขยายห้างเซ็นทรัล

พ.ศ. 2488

เตียง จิราธิวัฒน์ ตั้งร้านสรรพสินค้า "เซ็นทรัล" ที่ปากตรอกกัปตันบุช สี่พระยา จำหน่ายหนังสือ และนิตยสารจากต่างประเทศกิจการประสบความสำเร็จ

พ.ศ. 2490
จดทะเบียนตั้งห้างเซ็นทรัลเทรดดิ้ง

พ.ศ. 2492 ย้ายร้านจากสี่พระยาไปซื้อที่ตึกแถว 3 ห้องที่สุริวงศ์ ริมถนน เจริญกรุง ได้เริ่มมีการดิสเพลย์หนังสือและสินค้าครั้งแรก

พ.ศ. 2499 ห้างเซ็นทรัลสาขาวังบูรพาแห่งแรก ก่อตั้งขึ้น สัมฤทธิ์เริ่มใช้ป้ายกำหนดราคาสินค้าแน่นอน ไม่มีการต่อรองเหมือนร้านทั่วไป

พ.ศ. 2500 ห้างเซ็นทรัล สาขาเยาวราชเปิดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคนจีนย่านนั้นเกรงว่าราคาของห้างแพงกว่าปกติ จึงไม่นิยมซื้อ ทำให้ต้องปิดกิจการสาขาเยาวราชลงไป

พ.ศ. 2507 ห้างเซ็นทรัล สาขาราชประสงค์ ซึ่งเป็นตึกแถวขนาด 5 ห้องอยู่ในซอยไม่ติดถนนใหญ่เกิดขึ้น แต่ตลาดยังเป็นรองห้างใหญ่ไดมารูของนักธุรกิจญี่ปุ่นอยู่มาก จึงเลิกสาขานี้ไป

พ.ศ. 2511 ห้างเซ็นทรัล สาขาสีลม ขนาด 9 ชั้น เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นแห่งแรก หลังจากดำเนินการไม่ถึงปี เตียง จิราธิวัฒน์ ถึงแก่กรรมทิ้งภารกิจใหญ่ให้กับทายาทคนโต สัมฤทธิ์บริหารหนี้และห้างเซ็นทรัลต่อไป

พ.ศ. 2516 ห้างเซ็นทรัล สาขาชิดลม บนเนื้อที่ 7 ไร่ ใช้ทุน 80 ล้านเกิดขึ้น และประสบความสำเร็จด้วยแนวคิดหลักแบบ One stop shopping ยอดขายเพิ่งขึ้นอีก 80%

พ.ศ. 2524 ห้างเซ็นทรัล สาขาลาดหญ้า บุกเบิกการค้ายุคใหม่ในฝั่งธนบุรี

พ.ศ. 2526 โครงการใหญ่เซ็นทรัล พลาซาและโรงแรม ได้เปิดดำเนินการหลังจากได้เซ็นสัญญาเช่าที่ดิน ปากทางลาดพร้าวจากการรถไฟฯ เป็นระยะเวลา 30 ปีนับตั้งแต่ปี 2522

พ.ศ. 2531 ห้างเซ็นทรัล สาขาหัวหมาก เปิดบริการและนำเอาระบบ Barcode มาใช้ในการบริหารงานขายและสต็อกสินค้าของเซ็นทรัลกรุ๊ปด้วย

พ.ศ. 2533 ยุค Segmentation ได้เริ่มโดยเจาะตลาดลูกค้าระดับบน ด้วยการเปิดดำเนินธุรกิจห้าง Zen ที่ศูนย์การค้าเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ เป็นแห่งแรก บริษัทเซ็นทรัล ซูเปอร์สโตร์ วงศ์สว่าง เปิดดำเนินการ โดยมีรูปแบบซูเปอร์เซ็นสโตร์

พ.ศ. 2534 ห้างเซ็นทรัล สาขาสีลมในอาคารสีลมคอมเพล็กซ์ เพิ่มขยายขึ้นจากเดิมอีกแห่ง จับกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน

พ.ศ. 2535 ห้างเซ็นทรัล กาดสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ เปิดขายต้นปี เป็นครั้งแรกที่ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ บุกขยายไปยังต่างจังหวัด

พ.ศ. 2536 ห้างเซ็นทรัลสาขาบางนาเปิดดำเนินการ ห้างเซ็นทรัลสาขารามอินทรา ยึดหัวหาด

พ.ศ. 2537 ห้างเซ็นทรัล สาขาหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เปิดดำเนินการ

พ.ศ. 2538 ห้างเซ็นทรัลสาขาปิ่นเกล้าบุกฝั่งธนบุรีอีกฟากหนึ่ง

พ.ศ. 2539 ห้างฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิตเริ่มดำเนินการ

พ.ศ. 2540 ห้างเซ็นทรัลสาขารัชดา พระราม 3 ขยายกิจการออกไป

พ.ศ. 2545 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา สาขาพระราม 2 เปิดดำเนินกิจการเดือนธันวาคม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.