|
คิงเพาเวอร์ส่อฟ้องกลับ บอร์ด ทอท.พร้อมรับมือ
ผู้จัดการรายวัน(8 พฤษภาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ประเมิน"คิงเพาเวอร์" ฟ้องกลับ หลังบอร์ด ทอท.โมฆะสัญญา และทำให้เจรจาให้ร้านค้าย่อยเช่าพื้นที่ตรงส่อยืดเยื้อ ด้าน"ทอท.-บอร์ด" ไม่หวั่นยันพิจารณารอบคอบก่อนตัดสิน ขณะที่คิงเพาเวอร์แจ้งนำเงินค่าเช่าพื้นที่และค่าใช้จ่ายวางไว้ที่สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีแทน พร้อมยื่นหนังสือถึงคมนาคมขอความเป็นธรรมอ้างเสียหายกระทบภาพลงทุน
แหล่งข่าวจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บอร์ด ทอท. ที่มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2550 ให้สัญญาร้านค้าปลอดภาษีของบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี และสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของบริษัท คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิเป็นโมฆะ ปรากฏว่าบริษัทคิงเพาเวอร์ได้ทำหนังสือแจ้งมายัง ทอท.ว่าได้นำเงินค่าเช่าพื้นที่และค่าภาระต่างๆ เช่นค่าไฟฟ้า น้ำประปา และค่าบัตรรักษาความปลอดภัย จำนวน 19.739 ล้านบาท และค่าเช่าพื้นที่และค่าภาระต่างของร้านค้าปลอดภาษี จำนวน 18.170 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 38.909 ล้านบาท ไปวางต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีเพื่อชำระหนี้ให้กับ ทอท.แทน
หลังจากที่ทอท.ได้ทำหนังสือแจ้งให้บริษัทคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรีและคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิรับทราบว่ามติบอร์ด ทอท.วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาเห็นชอบให้ทอท.ทำหนังสือแจ้งให้ทางบริษัทฯได้ดำเนินการรื้อถอนร้านค้าที่กีดขวางทางหนีไฟและทำให้เกิดความไม่สะดวกกับผู้โดยสารภายใน 30 วันนับตั้งแต่มีมติ หากไม่ดำเนินการทาง ทอท.ก็จะต้องฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งได้มีประเมินในเบื้องต้นว่าทางคิงเพาเวอร์จะต้องฟ้องร้องผู้บริหาร ทอท.และบอร์ด ทอท.เพื่อขอให้ศาลคุ้มครองอย่างแน่นอน
แหล่งข่าวจาก ทอท.กล่าวว่า หากคิงเพาเวอร์ดำเนินการฟ้องร้อง ทอท.จะส่งผลให้ขั้นตอนการเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนเข้ามาดำเนินการร้านค้าปลอดภาษีและการเจรจาให้ผู้ประกอบการร้านค้าเชิงพาณิชย์มาเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับ ทอท.ต้องล่าช้าออกไป เพื่อรอคำวินิจฉัยในชั้นศาลก่อน ซึ่งในระหว่างรอนั้น ทางผู้ประกอบการรายเดิมยังคงใช้พื้นที่ได้ต่อไปแต่ค่าใช้จ่ายและรายได้ต่างๆ จะต้องนำไปวางไว้ที่ศาลหรือกรมบังคับคดีซึ่งเป็นน่วยงานกลางแทน
ด้าน พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การตัดสินใจของบอร์ด ทอท.ที่ทำหนังสือแจ้งให้คิงเพาเวอร์ให้รื้อถอนร้านค้าที่กีดขวางทางและกระทบต่อความปลอดภัยของสนามบินนั้นเป็นหน้าที่โดยตรงของ ทอท.จะต้องดูแลแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้กับประชาชน และอยู่ในอำนาจของบอร์ดจะต้องพิจารณาซึ่งเชื่อว่าได้มีการตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างชัดเจนแล้ว หากเรื่องนี้จะต้องกลายเป็นข้อพิพาทขึ้นสู่ศาลและฟ้องร้องเรียกค้าเสียหายจำนวนมากจากรัฐนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งทางกระทรวงคมนาคมไม่หนักใจเรื่องนี้
ในขณะที่แหล่งข่าวจากบอร์ด ทอท.กล่าวว่า คณะกรรมการ ทอท.ทั้ง 8 คนได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลักส่วนผลที่จะนำไปสู่การถูกฟ้องร้องหรือดำเนินคดีในภายหลังเป็นสิ่งที่กรรมการรับทราบเป็นอย่างดีและพร้อมที่จะยอมรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้วรวมไปถึงการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ส่วนกรรมการอีก 5 คน ซึ่งเป็นกรรมการเดิมที่อยู่ในบอร์ดชุดที่ได้อนุมัติสัญญาของคิงเพาเวอร์ได้ขอสละสิทธิการพิจารณาในเรื่องที่ได้เคยมีมติไปแล้ว
**คิงเพาเวอร์ขอความเป็นธรรมคมนาคม
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสมบัตร เดชาพานิชกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ได้ทำหนังสือเพื่อร้องขอความเป็นธรรมมายัง พลร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม พร้อมเอกสารประกอบการชี้แจงกรณีที่บอร์ด ทอท.ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 มี.ค.2550 ว่าสัญญาร้านค้าปลอดภาษีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์เป็นโมฆะและไม่มีผลผูกพันกับทอท.เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ 2535 จากนั้น รมว.คมนาคมได้ส่งเรื่องต่อให้บอร์ด ทอท.พิจารณาต่อไป
ในเอกสารร้องเรียนทางกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ได้ชี้แจง 4 ประเด็นคือ
1.การบังคับใช้กฎหมาย พรบ.ร่วมทุน 2535 นั้น ทอท.ในฐานะคู่สัญญาจะต้องเป็นผู้พิจารณาและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายดังนั้นการอ้างเหตุผลดังกล่าวในการทำให้สัญญาไม่มีผลจึงไม่เป็นธรรมเพราะที่ผ่านมาทางเอกชนได้ดำเนินการตามขั้นตอนและได้รับอนุญาตและทำสัญญาโดยสุจริตและเชื่อมั่นต่อสัญญาที่ได้ลงนามไว้แล้วและมีการระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่าสัญญาทั้ง 2 ฉบับไม่ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ร่วมทุนด้วย
2.การดำเนินการภายหลังบอกเลิกสัญญาโดยอ้างถึงภาระที่บริษัทได้ลงทุนตามสัญญาทั้ง 2 ฉบับว่าได้รับอนุญาตและความยินยอมจาก ทอท.ก่อนทุกขั้นตอน หาก ทอท.เห็นว่ามีการใช้พื้นที่นอกเหนือจากสัญญาก็พร้อมจะปรับลดพื้นที่หรือจ่ายผลตอบแทนตามจริงอีกทั้งทางเอกชนได้มีการหาพันธมิตรจากในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนดำเนินการไปแล้ว 2-3 ปี จึงมาอ้างว่าสัญญาไม่มีผลบังคับรวมทั้งการด่วนสรุปตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งมิใช่ศาลจะก่อให้เกิดความเสียหายมากจึงไม่เป็นธรรมต่อเอกชน
3.การพิจารณาตามมติบอร์ด ทอท.เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมาว่าสัญญาทั้ง 2 ฉบับเป็นโมฆะนั้น ทอท.ไม่เคยติดต่อให้ทางเอกชนเข้าฟังคำชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ร้านค้าพันธมิตรคู่ค้าต่างๆและสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน และ4.ความเสียหายที่ได้รับซึ่งส่งผลต่อร้านค้าผู้ประกอบการประมาณ1,350 ราย ความเสียหายการลงทุนในการออกแบบ ตกแต่งก่อสร้างและจ้างบุคลากร ประมาณ 6,300 ครอบครัว การลงทุนบ้านพักอาศัยพนักงานและศูนย์ฝึก ประมาณ 1,150 ล้านบาท สินค้าหมุนเวียนและเงินชำระล่วงหน้าอีก 4,400ล้านบาท และทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้นับหมื่นล้าน กระทบภาพการลงทุนและอาจเกิดคดีฟ้องร้องอีกนับหมื่นคดี
**ยื่น ทอท.พิจารณาบรรเทาความเดือดร้อน
แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2550 ผู้บริหารกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ได้ทำหนังสือถึงนางกัลยา ผกากรอง รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทอท. ขอให้พิจารณาบรรเทาผลกระทบจากการให้ข่าวว่าสัญญาทั้ง 2 ฉบับจะเป็นโมฆะ จนกระทั่งมติเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา บอร์ดทอท.ได้มีมติให้สัญญาร้านค้าปลอดภาษีของบริษัทคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรีและสัญญาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของบริษัทคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิเป็นโมฆะเพราะไม่ปฏิบัติตามพรบ.ร่วมทุน 2535เนื่องจากมูลค่าการลงทุนเกินหนึ่งพันล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|