“สายทิพย์”ร้อนวิชาซินเนอจี้ควบพาร์ทเนอร์-รับตลาดซื้อสื่อสั้น


ผู้จัดการรายวัน(3 พฤษภาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

พี่ฉอด เปิดใจหลังนั่งเก้าอี้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) เตรียมเดินหน้าซินเนอจี้การทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด สู่เป้า 2,900 ล้านบาท ที่วางไว้ มั่นใจสื่อมีเดียที่มีอยู่มีความแข็งแกร่งพอที่จะอยู่รอดในสถานการณ์ที่ต้องรอดูความแน่นอนต่างๆ พร้อมชี้ความแข็งแกร่งของธุรกิจนี้ขึ้นอยู่กับความอยู่รอดไม่ใช่การเติบโต

นางสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ตามหน้าที่แล้ว ตนจะมีหน้าที่ดูแลและควบคุมการทำงานในภาพรวมของ จีเอ็มเอ็ม มีเดีย มากขึ้น จากเดิมที่จะดูเฉพาะสื่อวิทยุเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันยอมรับว่าในด้านการทำงานไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากนัก เพราะปกติเป็นคนทำงานอยู่แล้ว ดังนั้นการเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ จึงมองว่าผู้ใหญ่ได้เปิดโอกาสและมอบความไว้วางใจให้เข้ามาทำงานมากกว่า

ทั้งนี้ตนได้สอบถามยังนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)ว่า ทำไมถึงได้มอบให้ตนเข้ามานั่งตำแหน่งนี้ ได้รับคำตอบว่า ตนสามารถทำงานตรงนี้ได้ และน่าจะเข้ามาช่วยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆภายในบริษัทฯให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

โดยการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใหม่ครั้งนี้ นางสายทิพย์ กล่าวด้วยว่า ทางบริษัทฯไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่ได้อยู่ในภาวะที่ต้องมีต้องมีการแก้ไขปัญหาใด ดังนั้นการที่เข้ามาทำหน้าที่ใหม่ครั้งนี้จึงอาจมองเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงรุกก็ได้ เพื่อมาซินเนอจี่หรือประสานงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ยังเป็นการตั้งรับในภาวะที่เศรษฐกิจทรงตัวอีกด้วย ขณะเดียวกันในส่วนของลูกค้า มองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ อีกทั้งลูกค้าน่าจะให้ความมั่นใจที่จะเข้ามาซื้อสื่อกับทางบริษัทฯมากยิ่งขึ้นด้วย เพราะต่างรู้ว่าตนเป็นคนทำงานจริงนั้นเอง

“การซื้อสื่อของลูกค้าในปัจจุบันนั้น ยอมรับว่าเปลี่ยนไป จะนิยมซื้อในระยะสั้นมากขึ้น โดยการซื้อสื่อที่ยาวที่สุดตอนนี้ อยู่ที่ 3 เดือน ขณะเดียวกันลูกค้าเริ่มมองว่าการซื้อสื่อเพียงอย่างเดียวอาจจะเป็นการทำการตลาดที่ไม่เพียงพอ โดยเริ่มที่จะเข้ามาซื้อสื่อในรูปแบบมาเป็นพาร์ทเนอร์มากยิ่งขึ้น ซึ่งรูปแบบการซื้อสื่อดังกล่าวนั้น เริ่มเห็นมาตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมาแล้วรวมถึงสื่อไลฟ์สไตล์ก็จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันได้ดีเช่นเดียวกัน”

ล่าสุดในตอนนี้สำหรับการเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ เช่น การจัดคอนเสิร์ต แดนซ์ ทู แดนซ์ ของโดฟ ที่ทางยูนิลีเวอร์ได้เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเต็มตัว โดยทางบริษัทฯเองได้มีการซินเนอจี่กับหน่วยงานของบริษัทฯที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เกิดการสร้างรายได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าแกรมมี่ นิยมที่จะให้คนในขึ้นมาเป็นผู้บริหารบริษัทฯนั้น นางสายทิพย์ ได้ให้ความเห็นว่า อาจเป็นเพราะคนในเมื่อก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหาร จะสามารถบริหารและเข้าในการทำงานได้ดีกว่าคนนอก แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้โอกาสคนนอกเข้ามาทำงานแต่อย่างไร เพราะที่ผ่านมาเคยมีคนนอกเข้ามาบริหารงานเช่นเดียวกัน เช่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นต้น

ส่วนในเรื่องของรายได้ที่วางไว้ในปีนี้กว่า 2,900 ล้านบาท อัตราการเติบโตที่ 2-3% นั้น ยังคงเป็นเป้าหมายเดิมที่ตนและทุกคนในบริษัทฯจะต้องทำให้ได้ตามเป้า ขณะที่ในไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมานี้ ยอมรับว่าแนวโน้มตัวเลขรายได้อาจลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุการณ์การลอบวางระเบิดและสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นสำคัญ แต่ถ้ามองในเรื่องของการทำงานที่มีการควบคุมในเรื่องตัวเลข และการระมัดระวังในการลงทุนและการใช้จ่ายแล้ว ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ โดยในส่วนของกำไรยังคงเป็นตัวเลขที่ดีอยู่

“ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวแบบนี้ การดำเนินธุรกิจบันเทิงนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกเป็นสำคัญ และมองว่าความสำเร็จในการบริหารการทำงานของธุรกิจนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวเลขของรายได้หรือการเติบโตอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับความอยู่รอดที่จะทำให้ธุรกิจนี้ดำเนินต่อไปได้มากกว่า เพราะยอมรับว่าความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ณ วันนี้ ส่งผลกระทบอย่างมากกับธุรกิจมีเดีย”

อย่างไรก็ตามสำหรับสื่อมีเดียทั้งหมดของบริษัทฯ ณ ตอนนี้ ถือว่ายังมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างดี และมองว่าน่าจะผ่านพ้นสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ต่อไปได้ โดยปัจจุบันสื่อที่สร้างรายได้ให้บริษัทฯมากที่สุดยังคงเป็น สื่อทีวี 40% รองลงมาคือ สื่อวิทยุและสื่ออีเวนต์ อย่างละ 23-24% เท่าๆกัน อันดับสี่ คือ สื่อสิ่งพิมพ์ 9-10% และที่เหลือมาจากสื่ออื่นๆเล็กน้อย

โดยปัจจุบันในสื่อทีวีนั้น ประกอบด้วย ละครรวม 14 เรื่อง และรายการวาไรตี้ 14 รายการ รวมถึงละครเวทีที่ตั้งเป้าว่าในปีนี้จะมีทั้งหมด 4 เรื่อง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.