ธปท.ชี้แบงก์ชะลอตัวต่อเนื่อง เหตุศก.ชะลอ-ภาระบัญชีใหม่


ผู้จัดการรายวัน(2 พฤษภาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ธปท.เผยไตรมาสแรกของปีนี้ระบบแบงก์พาณิชย์กลับมีกำไรสุทธิเป็นบวก หลังไตรมาสก่อนขาดทุนจากภาระการกันสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่ (IAS39) คาดแนวโน้มในอนาคตยังคงชะลอตัวอยู่ เหตุภาวะเศรษฐกิจชะลอ-ดอกเบี้ยขาลง-ภาระการกันสำรองตามมาตรฐานใหม่ ซึ่งคาดจะกดดันแบงก์ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยเฉพาะแบงก์ที่มีภาระหนี้สูงและที่ยังกันสำรองยังไม่ครบ

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้รายงานผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ พบว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยกลับมามีผลกำไรสุทธิเป็นบวก หลังจากที่ไตรมาสก่อนต้องประสบกับการขาดทุนจากภาระการกันสำรองที่เพิ่มขึ้นตามการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีสากล(IAS39) อย่างไรก็ตาม แม้กำไรของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสนี้จะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงมีทิศทางชะลอตัวลดลง 24.2% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา การชะลอตัวของสินเชื่อ และภาระการกันสำรองตาม IAS 39 ที่ยังคงมีการบังคับใช้อยู่เป็นสำคัญ

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2550 ธนาคารพาณิชย์ไทยมีกำไรจากการดำเนินงาน 35,700 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยชะลอลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้รายรับดอกเบี้ยทั้งจากสินเชื่อและการลงทุนในหลักทรัพย์ลดลงเร็วกว่ารายจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก นอกจากนี้ การขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวก็ทำให้ความสามารถในการทำกำไรจากสินเชื่อชะลอลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัวในเกณฑ์ดีจากรายได้ค่าธรรมเนียมเงินโอนและกำไรจากการปริวรรตเป็นสำคัญ

สำหรับกำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 19,900 ล้านบาท แม้จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิจากภาระการกันสำรองที่สูงกว่าปกติ แต่ก็อยู่ในทิศทางที่ชะลอตัว โดยกำไรสุทธิปรับลดลง 24.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลสำคัญจากการชะลอตัวของกำไรจากการดำเนินงานตามการอ่อนตัวของภาวะเศรษฐกิจและการปรับตัวในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงและการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ยังคงมีภาระการกันสำรองตามมาตรฐานบัญชีสากล (IAS39) อยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ไทยจะยังได้รับผลกระทบจากการกันสำรองตามมาตรฐานบัญชีดังกล่าว ต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี 2550 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เต็มที่ โดยเฉพาะกำไรของธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในจำนวนสูงและยังกันสำรองไม่ครบถ้วน

อนึ่ง ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2550 มีธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (ธย.) เพิ่มขึ้นใหม่อีก 2 แห่ง คือ ธย.ไทยเครดิต และธย.เอไอจี ขณะที่ธนาคารที่คืนใบอนุญาตมีจำนวน 1 แห่ง คือ ธย.จีอี มันนี่ ที่ปิดไปรวมกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีธนาคารพาณิชย์รวม 18 แห่ง โดยเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย 3 แห่ง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.