หวั่นบ้านจัดสรรพังครืน ซ้ำรอยวิกฤตยุค“ต้มยำกุ้ง”


ผู้จัดการรายสัปดาห์(30 เมษายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

*ธุรกิจบ้านจัดสรร กำลังจะพังครืนอีกรอบ หากรัฐบาลยังรีรอที่จะประกาศใช้มาตรการชุบชีวิตอสังหาริมทรัพย์
*เตือนรัฐบาลขิงแก่เร่งสรุปผลมาตรการว่า จะยกเลิกหรือเดินหน้าต่อ ก่อนความเชื่อมั่นถดถอย
*ผู้ประกอบการเมินมาตรการรัฐ เพราะธุรกิจเดินได้ด้วยตัวเอง หวั่นรัฐทำเสียศูนย์ กระทบการซื้อขายชะงัก เกิดภาวะสุญญากาศ กระแทกธุรกิจล้มครืน

ล่วงเลยมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว สำหรับแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยจะใช้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหัวหอก ที่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคน ได้ส่งสัญญาณมาแล้วว่า การฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้ ยาที่ดีที่สุดคงจะหนีไม่พ้นนำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเครื่องมือพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยรวม

ทั้งนี้ หากยังไม่มีการพิจารณามาตรการทั้ง 7 ข้อ ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ช่วยกันแสดงความคิดเห็นแล้ว จะยิ่งเป็นสร้างปัญหาให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากยิ่ง เพราะในระหว่างที่ภาครัฐพิจารณาว่าจะใช้มาตรการหรือไม่ ยิ่งทำให้ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจซื้อ เนื่องจากไม่ต้องการเสียสิทธิที่จะได้รับหากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการเยียวยาธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์

ระวัง!ซ้ำรอยปี 43-44

ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว ในช่วงก่อนหน้านี้ ในราวๆ ปี 2543 ต่อเนื่องปี 2544 ซึ่งในช่วงนั้น รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อให้ความช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะมั่นใจว่าเมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว จะทำให้ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องฟื้นตัวตาม ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ เกิดการจับจ่าย และจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงที่รัฐบาลจด ๆ จ้อง ๆ ยังไม่ประกาศใช้มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง และภาษีธุรกิจเฉพาะ ยิ่งทำให้ธุรกิจชะงักงัน เกิดสุญญากาศขึ้นทันที เพราะผู้ซื้อลังเลที่จะตัดสินใจซื้อ เนื่องจากกลัวจะไม่ได้รับสิทธิ์หากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการ

หวั่นความเชื่อมั่นลด

ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า อยากให้มาตรการที่นำเสนอกระทรวงการคลังมีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพราะขณะนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มลดลง หลังจากที่มีหลายปัจจัยเข้ามากระทบอย่างต่อเนื่องจนเกิดการสะสม

อีกเรื่องที่น่ากังวล คือ การเมืองที่ยังไม่นิ่ง ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลถึงรายได้ในอนาคต ซึ่งจะกระเทือนถึงเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเร่งคลอดรัฐธรรมนูญ เร่งรัดให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ เร่งการผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นรูปธรรมกว่านี้

“เราเชื่อว่ามาตรการดังกล่าว จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมจะช่วยให้ประชาชนได้ประโยชน์รวมๆ ถึง 6% การอุดหนุน Soft Loan วงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อตรึงอัตราดอกเบี้ย 4.75% คงที่ 3 ปี น่าจะทำให้ผู้ที่ลังเล เกิดการตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้น ซึ่งเราก็คาดหวังว่ารัฐบาลจะตอบรับในมาตรการทุกข้อ เพราะทั้งหมดจะเป็นแรงกระตุ้นให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์เกิด Multiplier Effect ไปหมุนเวียนตลาดอื่นๆ ให้เติบโตต่อเนื่องถึง 1.7 เท่า บวกกับกลไกทางการตลาดจะดึงดูดให้ธนาคารพาณิชย์เข้ามาเล่นในตลาดนี้ด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดผลลัพธ์แรงขึ้นอีก” ไชยยันต์ กล่าว

สำหรับเงินอุดหนุน Soft Loan 30,000 ล้านบาท ถ้าอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอีก ธนาคารรัฐก็สามารถนำเงินที่ได้ใช้ในส่วนนี้ ซึ่งเรื่องสภาพคล่องไม่น่ากังวล เพราะขณะนี้ธนาคารยังปล่อยสินเชื่อน้อยกว่าเงินฝากที่มีอยู่ ทำให้ยังมีสภาพคล่องคงเหลือในระบบกว่า 400,000 ล้านบาท

คาดQ2 บังคับใช้มาตรการ

คาดว่ามาตรการน่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในไตรมาส 2 แน่นอน เห็นได้จากเรื่องที่เสนอก็มีความคืบหน้าไปมาก แต่อย่างไรก็ตามคงต้องขึ้นกับ รมว.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ว่าจะให้คำตอบอย่างไร แต่ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะนับวันเริ่มมีการส่งสัญญาณลบต่อเศรษฐกิจไทยเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และที่ผ่านมา 6 เดือน รัฐบาลไม่เคยมีมาตรการใดๆ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเลย สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ หากมีอัตราเติบโตที่ 10-15% ก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ปรับตัวช้า

สำหรับ 7 มาตรการ ประกอบด้วย

1.จะผลักดันให้กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรขยายสิทธิทางด้านภาษีสำหรับประชาชนที่ผ่อนชำระเงินกู้ซื้อบ้าน จากที่ในปัจจุบันสามารถลดหย่อนภาษีจากการหักดอกเบี้ยปีละ 50,000 บาท เพิ่มเป็น 100,000 บาท

2.เสนอเพิ่มมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 2% เหลือ 0.01% เพื่อให้มีการเร่งโอนอสังหาริมทรัพย์เร็วขึ้น รวมถึงลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1.% เหลือ 0.01% ซึ่งการลดหย่อนค่าธรรมเนียมทั้ง 2 ประเภทนี้รวมไปถึงการโอนซื้อบ้านมือสองและสินทรัพย์รอการขายจากสถาบันการเงินด้วย

3.ให้รัฐบาลอุดหนุนวงเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย (SOFT LOAN) จากกระทรวงการคลังหรือจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือแบงก์ชาติจำนวน 30,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 4.75% คงที่ 3 ปีแรก หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MLR) ทั้งนี้จะปล่อยกู้ไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท

4.ให้แบงก์ชาติส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.5-1.0% เนื่องจากตลาดตั้งความหวังไว้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง ซึ่งหากลดลงโดยเร็วก็จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น

5.มาตรการทางด้านกฎหมาย โดยปัจจุบันกฎหมายอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินได้เป็นเวลา 30 ปี เสนอให้สิทธิถือครองที่ดินได้นาน 99 ปี

6.ให้จัดระบบขนส่งมวลชนระบบรางจากชานเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะต้องจัดทำผังเมืองใหม่เพื่อให้มีความสอดคล้องทั้งในแง่ของการเดินทางและพื้นที่ที่อยู่อาศัย และ7.ให้ลบรายชื่อลูกค้าของสถาบันการเงินที่ติดอยู่ในบัญชีดำของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ(เครดิตบูโร) จากเดิม 3 ปี เหลือ 2 ปี ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่มีรายชื่อเป็นแบล็คลิสต์ของสถาบันการเงินต่างๆ สามารถแก้ไขข้อมูลและซื้อที่อยู่อาศัยได้

ธารารมณ์เกาะกระแสมาตรการรัฐ

วสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่เสนอต่อรัฐบาลยังไม่มีความคืบหน้า แต่ในส่วนของธารารมณ์ฯ ได้ออกแคมเปญใหม่อิงกับมาตรการที่เสนอต่อภาครัฐ สำหรับลูกค้าที่ซื้อโครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล ,พาร์คเวย์ ชาเล่ต์ รามคำแหง,การ์เด้น สวีท ดิอินดี้โฮม และพรอเมนาด โฮม ธนบุรี คือ ฟรีค่าโอน, ฟรีจดจำนอง พร้อมดอกเบี้ย 4.75% คงที่ 3 ปี เพื่อเร่งการตัดสินใจของลูกค้าที่กำลังรอมาตรการจากภาครัฐฯ

อธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า การทำตลาดของศุภาลัยคงไม่ต้องรอมาตรการของภาครัฐ และล่าสุด ได้จัดแคมเปญ"Summer Limited Offer" โดยนำบ้านพร้อมโอนจำนวน 18 แปลง จาก 7 โครงการโซนตะวันตก โซนใต้ และนนทบุรี มาจัดรายการ ซึ่งจ่ายเงินเพียง 50,000 บาท เข้าอยู่ได้ทันที และกู้เต็ม 100% (กู้ไม่ผ่านคืนเงิน) รวมถึง ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนฯ จัดสวนสวย วอลล์เปเปอร์เครื่องปรับอากาศ มุ้งลวดหน้าต่าง ปูสนามหญ้า

ขณะที่บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) จัดแคมเปญพิเศษ สำหรับ“บ้าน 3 ทำเลติดแนวรถไฟฟ้า” ได้แก่ บ้านกลางกรุง The Nice รัชวิภา บ้านกลางกรุง The Royal Vienna รัชวิภา และบ้านกลางเมือง Monte-Carlo รัชวิภา ด้วยมอบส่วนลดเงินสดสูงถึง 1 ล้านบาท พร้อม Gift Voucher ใช้เป็นส่วนลดเพื่อซื้อรถเบนซ์สูงสุด 1 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.