โฟร์โมสต์ปรับราคา6%ทุ่มงบพันล.ขยายโรงงาน


ผู้จัดการรายวัน(24 เมษายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

โฟร์โมสต์ ปรับราคานมขึ้น 5-6% คาดผู้ประกอบรายอื่นแห่ปรับขึ้นก่อน 1 พ.ค. หลังกรมการค้าภายในไฟเขียว ระดมงบลงทุนกว่า 1,000 พันล้านบาท ขยายโรงงานรองรับการเติบโตธุรกิจนม อัดฉีดกว่า 100 ล้านบาท ละเลงศึกนมถั่วเหลือง ดึงบี้เดอะสตาร์ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ ปีนี้ตั้งเป้าโกยแชร์จาก 5% เป็น 10%

นางกวีมาศ ตั้งคีรีพิมาน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่กรมการค้าภายใน (คน.) กระทรวงพาณิชย์ได้อนุมัติให้มีการปรับราคาน้ำนมดิบที่รับซื้อจากเกษตรกรปรับเพิ่มจากเดิมกิโลกรัมละ12.50บาทเป็น 13.75 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดได้อนุมัติให้นมพร้อมดื่มปรับราคาขึ้น ซึ่งบริษัทฯคาดว่ากลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดรวมจะปรับราคานมพร้อมดื่มขึ้น 5-7% ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม นี้ สำหรับโฟร์โมสต์ได้ปรับขึ้น 5-6% ขึ้นอยู่กับปริมาณนมแต่ละขนาดเฉลี่ย .25-2 บาทต่อกล่อง โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป

แผนลงทุนปีนี้บริษัทฯได้ทุ่มกว่า 1 พันล้านบาท ขยายโรงงานผลิตเพิ่มจากเดิมทั้งในโรงงานที่หลักสี่และสำโรง ปรับระบบการกระจายสินค้าและบริหารสินค้าคงคลังใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนนโยบายการตลาดมุ่งขยายกลุ่มสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เน้นตลาดที่มีขนาดและมีอัตราการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดนมถั่วเหลืองยูเอชทีซึ่งมีมูลค่า 4,863 ล้านบาท ล่าสุดได้เปิดตัวนมถั่วเหลืองไฮไฟว์ ผสมน้ำแครอท และเบอร์รีสกัด มี 2 รสชาติ ได้แก่ รสธรรมชาติ และรสธัญญาหาร

ด้านกลยุทธ์การตลาดนมถั่วเหลืองไฮไฟว์บริษัทฯจะเน้นจุดขาย "คุณค่าที่มากกว่า" ซึ่งปีนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวอีก 3-4 รสชาติ วางงบการตลาด 50 ล้านบาทในช่วงการเปิดตัวรสผสมน้ำแครอทและเบอร์รี่สกัด 3 เดือนนี้ ส่วนทั้งปีคาดว่าจะใช้งบกว่า 100 ล้านบาท ผ่านการสื่อสารทางการตลาดและกิจกรรมครบวงจร และดึง" บี้ เดอะสตาร์" หรือ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว เป็นพรีเซ็นเตอร์

นอกจากนี้ปีนี้บริษัทฯยังหันมากระจายสินค้าในช่องทางประเภทร้านค้าทั่วไปในครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ใกล้เคียงกับนมโฟร์โมสต์ยูเอชที ส่วนช่องทางโมเดิร์นเทรด วางแผนสร้างความโดดเด่นในการจัดเรียงสินค้า จากปัจจุบันช่องทางจำหน่ายหลักจะมาจากร้านค้าทั่วไป 51% ซุปเปอร์มาร์เก็ต 34% และร้านสะดวกซื้อ 15% ตามลำดับ แจกสินค้าตัวอย่างได้ทดลอง 1 ล้านคน สำหรับการเปิดตัวรสชาติใหม่ผสมน้ำแครอทและเบอร์รี่สกัด คาดว่าจะขยายฐานลูกค้าได้กว้างทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวขนาดบรรจุ 4 กล่อง ราคา 31 บาท เพื่อรองรับกำลังการซื้อที่ลดลง จากเดิมไฮไฟว์มีขนาดบรรจุ 6 กล่อง ราคา 45-46 บาท

แนวโน้มตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดนมถั่วเหลืองยูเอชที มีมูลค่า 4,863 ล้านบาทเติบโต 23% พาสเจอร์ไรส์ 25 ล้านบาท เติบโต 158% และตลาดสเตอริไรส์ 2,088 ล้านบาท เติบโต 3% โดยรสชาติที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าสัดส่วน 20% ของตลาดรวม มีการเติบโต 79% ซึ่งเป็นส่วนสำคัญผลักดันให้ตลาดนมถั่วเหลืองมีอัตราการเติบโตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนรสธรรมชาติสัดส่วน 80% มีอัตราการเติบโต 8%

"การแข่งขันในตลาดนมถั่วเหลืองยูเอชทีมีความรุนแรงมากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ผู้ประกอบการ 4 ราย ได้แก่ ไวตามิ้ลค์ แลคตาซอย ดีน่า ใช้งบการผ่านสื่อโฆษณาร่วม 300 ล้านบาท และหากรวมการทำบีโลว์เดอะไลน์เพิ่มขึ้นอีก 30-40% ขณะที่การเปิดตัวรสชาติใหม่ไม่ต่ำกว่า 3-10 รสชาติต่อปี ซึ่งในตลาดยูเอชที แลคตาซอยเป็นผู้นำตลาด ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะโพซิชันนิ่งในเรื่องการให้ความคุ้มค่า ส่งผลตั้งแต่ในช่วงปี 2548 ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 43-44% ขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดแทนที่ไวตามิ้ลค์ ส่วนไวตามิ้ลค์ผู้นำตลาดนมถั่วเหลืองโดยรวม มีจุดแข็งในเรื่องนมถั่วเหลืองสเตอริไรซ์ มีส่วนแบ่งถึง 70-80%”

สำหรับตลาดนมพร้อมดื่มมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 13% แบ่งเป็นตลาด นมพร้อมดื่ม 54% ซึ่งโฟร์โมสต์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 55% นมถั่วเหลืองสัดส่วน 34% กลุ่มนมสเตอริไรส์ 10% และกลุ่มนมธัญญาหาร 1%

อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดตัวนมถั่วเหลืองไฮไฟว์รสชาติใหม่ คาดว่าในปีนี้ไฮไฟว์จะมียอดขายโต 20% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 8-10% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 5% เป็นอันดับที่4 ในตลาด รองจากดีน่า ที่มีส่วนแบ่งตลาด 17%ไวตามิลล์ 35% และ แลตตาซอย 43% คาดว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้นมถั่วเหลืองโฟร์โมสต์ ไฮไฟว์ จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.