|
รายย่อยRRCค้านแจกอีสปหวั่นกระทบราคาหุ้นร่วง
ผู้จัดการรายวัน(24 เมษายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้ถือหุ้นรายย่อย ค้านจัดสรรวอร์แรนต์จำนวน 58 ล้านหน่วยให้ผู้บริหารและพนักงานบริษัท อ้างหวั่นฉุดราคาหุ้นบนกระดานร่วงกราวรูด ขณะที่ผู้บริหารแจงกระทบแค่ 0.5% ก่อนจะอนุมัติให้ขยายเวลาใช้สิทธิออกไปเป็น 3 ปี จากเดิม 2 ปี พร้อมเตรียมแผนลงทุนเพิ่มปีนี้อีกเกือบ 1.2 หมื่นล้านบาท ในโครงการ Reforming Complex และมั่นใจผลงานไตรมาสแรกดี เหตุค่า GRM ขยับสูงกว่าไตรมาส 4 ปีก่อน
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2550 ว่า บริษัทคาดว่าค่าการกลั่นเบื้องต้น (GRM) โดยรวมในไตรมาสแรกปีนี้น่าจะดีขึ้นจากปลายปี 2549 โดยคาดว่าจะสูงกว่า 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากไตรมาส 4 ปีก่อนที่มี GRM อยู่ที่ 4.11 เหรียญต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงต้นปีราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และเป็นช่วงที่โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ปิดซ่อมแซม จึงทำให้ค่าการกลั่นเบื้องต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งคาดว่าราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากความวิตกกังวลสภาพดินฟ้าอากาศ เช่น เฮอร์ริเคน ในสหรัฐฯ เหตุการณ์ตึงครียดในอิหร่าน ทำให้เฮดจ์ฟันด์เข้ามากก็งกำไรราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีความผันผวนมากขึ้นด้วย
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 330 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 11,550 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐต่อ 35 บาท) โดยส่วนใหญ่จะใช้ในโครงการ Reforming Complex ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และแล้วเสร็จไปแล้วกว่า 52% โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนนิงานและเบิกเงินกู้บางส่วน
วานนี้ (23 เม.ย.) ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 บริษัทได้บรรจุวาระเสนอขอผู้ถือหุ้นอนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (วอร์แรนต์) จำนวน 58 ล้านหน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานบริษัท รวมถึงผู้บริหารและพนักงานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่ปฏิบัติงานใน RRC เต็มเวลา เพื่อสร้างแรงจูงใจ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงในการปฏิบัติงาน
โดยรายละเอียดของวอร์แรนต์จำนวน 58 ล้านหน่วยที่เสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณา คือ จัดสรรให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของ RRC และ PTT ในราคา 0 บาท อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้นสามัญ ราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญหุ้นละ 12 บาท กำหนดระยะเวลาการใช้สิทธิภายใน 24 เดือน โดยทยอยใช้สิทธิดังนี้ คือ 25% ในเดือนที่ 12 เดือน ส่วนที่ 2 อีก 25% ในเดือนที่ 18 และที่เหลือ 50% ในเดือนที่ 24
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุมได้มีผู้ถือหุ้นรายย่อยคัดค้าน เนื่องจากเห็นว่าราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ ต่ำกว่าราคาตลาดค่อนข้างมาก บวกกับราคาหุ้นบนกระดานหลักทรัพย์ที่หุ้นละ 17.60 บาท (ราคาปิด 23 เม.ย. 50) ต่ำกว่าราคาไอพีโอที่หุ้นละ 18 บาท ดังนั้น หากมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญของวอร์แรนต์ดังกล่าวจะเป็นแรงกดดันให้ราคาหุ้นบนกระดานหลักทรัพย์ต่ำลงอีก และส่งผลให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเดือนร้อน ดังนั้นผู้ถือหุ้นบางรายจึงเสนอให้ยืดเวลาการใช้สิทธิออกไปอีก รวมทั้งปรับราคาการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มขึ้น
นายชายน้อย ได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า การออกวอร์แรนต์ครั้งนี้เป็นเรื่องปกติเหมือนกับหลายๆ บริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้ว บวกกับในอนาคตอาจจะมีการยกเลิกบริษัท ARC ซึ่งเป็นบริษัทที่รับบริหารโรงกลั่นระยอง (RRC) และบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (SPRC) โดยตามข้อตกลง RRC และ SPRC จะต้องรับพนักงาน ARC ในสัดส่วน 50% หรือประมาณกว่า 300 คน ดังนั้นการออกวอร์แรนต์ครั้งนี้ เพื่อเป็นการจูงใจและดึงบุคลากรที่มีคุณภาพจาก ARC เข้ามาปฏิบัติงานกับ RRC เพราะ SPRC เอง ซึ่งปตท.ถือหุ้นอยู่ประมาณกว่า 30% ก็มีแผนที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณปลายปี 50 นี้เช่นกัน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบราคาหุ้นที่จะปรับตัวลดลงหลังจากการใช้สิทธิวอร์แรนต์ซื้อหุ้นสามัญดังกล่าว คณะกรรมการจึงมีมติให้ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญออกไปจาก 2 ปี เป็น 3 ปี โดยปีแรก 25% ปีที่ 2 อีก 25% และปีสุดท้าย 50% ของจำนวนวอร์แรนต์ที่จัดสรรทั้งหมด
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการ บริษัท โรงกลั่นระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทมีความเข้าใจข้อวิตกกังวลของผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่จำนวนหุ้นที่จะเพิ่มจากการใช้สิทธิวอร์แรนต์จำนวน 58 ล้านหุ้น จะทำให้ราคาหุ้นลดลงไม่มากนัก หรือประมาณ 0.5% เท่านั้น
"ผมอยากให้ผู้ถือหุ้นเปรียบเทียบราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง กับมูลค่าโรงงานกว่าแสนล้านของ RRC ดังนั้นบุคลากรจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตต่อไปข้างหน้า จึงอยากให้ผู้ถือหุ้นมองถึงตรงนี้ และคาดหวังว่าผู้บริหารจะบริหารงานให้บริษัทเติบโตได้ในอนาคต"
อย่างไรก็ตาม ผลจากการลงมติในวาระดังกล่าว ปรากฏว่า ผู้ถือหุ้นเห็นด้วย 1,643 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 91.14% ไม่เห็นด้วย 134 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 7.44% และงดออกเสียง 25 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.42% พร้อมกันนี้ผู้ถือหุ้นยังได้อนุมัติให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 58 ล้านบาท จากหุ้นที่ยังไม่ได้จัดสรรจำนวน 386.60 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิวอร์แรนต์จำนวนดังกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|