|
“ซีพี”ฟันธงลงทุนในจีนรุ่งอีก10ปีเปิดขุมทรัพย์แดนมังกร-ปั้นค้าปลีกเข้าตลาดหุ้น
ผู้จัดการรายสัปดาห์(9 เมษายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เปิดขุมทรัพย์ซีพีแดนมังกร “ดร.สารสิน”เผย 10 ปีต่อไปนี้เป็นช่วงเวลาทองของซีพี ที่จะรุกขยายธุรกิจเต็มที่ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกที่จะมีการจับมือกองทุนอเมริกาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คู่ค้าปลีก เน้นทำชอปปิ้งมอลล์ ส่วนพื้นที่รอบๆ พัฒนาเชิงพาณิชย์ ส่วนโลตัสเตรียมขยายครบ 2,000 สาขาใน 10 ปี พร้อมส่ง Lotus express ลงหมู่บ้านต่างจังหวัดจีน เชื่อธุรกิจไปอีกไกลรับพฤติกรรมผู้บริโภคจีนเปลี่ยน พร้อมขยายตลาดอาหารคนเต็มพิกัด หลังพบนมเปรี้ยว-เกี๊ยวกุ้งแช่แข็งขายดี
การทำธุรกิจในจีน บริษัทที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่รู้ลึกรู้จริงจีนทุกมุมมากที่สุดในไทยคงไม่พ้น “ซีพี” หรือบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เข้าไปลงทุนในจีนกว่า 20 ปี ตั้งแต่ในสมัยที่มหานครเซี่ยงไฮ้ยังไม่เจริญเท่าวันนี้ และวันนี้ซีพีถือเป็นบริษัทคนไทยที่ได้รับการยอมรับมากในจีน แม้จะมีบางธุรกิจที่ประสบภาวะขาดทุน แต่ในภาพรวมแล้ว ซีพียังมีรายได้ต่อปีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และสำหรับรายได้ในส่วนต่างประเทศ รายได้จากจีนก็ถือเป็นอันดับหนึ่ง...
10 ปี เวลาทองซีพีในจีน
ดร.สารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร และรองประธานคณะทำงานสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ บุคลากรด้านจีนที่สำคัญอีกคนหนึ่งของซีพี ผู้ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำสถานทูตไทยที่กรุงปักกิ่ง และทำงานกับกระทรวงต่างประเทศของไทยมากว่า 20 ปี กล่าวว่า จีนเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาส เป็นประเทศที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนมากที่สุดในเวลานี้
สำหรับซีพี แม้ว่าซีพีจะทำธุรกิจในจีนมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ก็พูดได้ว่าในอีก 10 ปี ต่อไปนี้ถือเป็นช่วงเวลาทองของซีพีในจีน และซีพีกำลังรุกคืบขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ โดยปัจจุบัน ซีพีมีธุรกิจใหญ่ ๆ ในจีนอยู่ประมาณ 7 ธุรกิจ ได้แก่ธุรกิจอาหารสัตว์,ธุรกิจอาหารคน,ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์,ธุรกิจค้าปลีก,ธุรกิจมอเตอร์ไซด์,ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์,ธุรกิจธนาคาร
โดยธุรกิจอาหารสัตว์ยังเป็นธุรกิจใหญ่ที่สุดในธุรกิจของซีพีในจีนทั้งหมด ปัจจุบันซีพีได้ตั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์แล้วมากถึง 108 แห่ง เป็นการผลิตอาหารสัตว์บกเน้นหมู,ไก่ ซึ่งมีกำลังการผลิตทั้งหมด 10 ล้านตัน มีผลผลิต 6.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งถือเป็นบริษัทที่ผลิตอาหารสัตว์อันดับ 1 ของโลก ซึ่งปัจจุบัน ซีพีมองแล้วว่าน่าจะมีการลดจำนวนโรงงานการผลิตลง 50% เพื่อนำโรงงานบางส่วนไปผลิตอย่างอื่น และอีกหลายแห่งยุบไปเพื่อไปนำเงินไปลงทุนทำอย่างอื่นเพิ่ม
เตรียมส่งเสริมเลี้ยงหมูแบบคอนแทรกฟาร์มมิ่ง
ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ในจีน เป็นธุรกิจใหญ่รองลงมาของซีพี ซึ่งมีวิธีการส่งเสริมให้เกษตรกรจีนเลี้ยงสัตว์แบบคอนแทรก ฟาร์มมิ่ง โดยปัจจุบันมีการเลี้ยงสัตว์อยู่ประเภทเดียวคือไก่ ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตส่งไปต่างประเทศ มีส่วนแบ่งการตลาด 50% ของการส่งออกของจีน ซึ่งในนั้นเกือบ 100% ได้ส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ดีปัญหาหลักของการเลี้ยงไก่ในปัจจุบันยังติดปัญหาเรื่องไข้หวัดนก ทำให้ซีพีมองหาสัตว์อื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรจีนเลี้ยงเพิ่มขึ้น
ที่สำคัญคือ หมู แต่ติดปัญหาค่านิยมการเลี้ยงหมูของจีน ที่นิยมเลี้ยงหมูในครอบครัว ยังไม่มีการเลี้ยงแบบเศรษฐกิจ แต่ผู้บริโภคหมูในจีนมีมากถึง 50% ของปริมาณหมูทั้งหมดโลก การผลิตหมูให้ได้มากๆ ก็ถือเป็นความท้าทายหนึ่งของซีพี ขณะนี้ซีพีได้เช้าร่วมวางแผนกับรัฐบาลจีนเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงหมูแบบเป็นอุตสาหกรรมแล้ว คาดว่าในอนาคตการเลี้ยงหมูจะทำรายได้ให้กับซีพีในส่วนของธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ได้มากขึ้น ซึ่งก็จะมีการทำโรงงานหมูแปรรูปเพื่อทำให้ธุรกิจมีการทำแบบครบวงจรด้วย
ธุรกิจการค้าปลีก ซีพีได้เข้าทำโลตัสในจีนแล้ว 75 แห่ง มีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี ปัญหาคือในจีนแม้ตัวเลขการขายจะสูงขึ้นทุกปี แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากำไรจะมากขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบันจึงยอมรับว่าการทำโลตัสในจีนยังมีปัญหาขาดทุนสูง
“ธุรกิจนี้เมื่อ 6 ปีก่อน ซีพีมีโลตัส 7 แห่ง กำไรสูง แต่ตอนนี้มี 75 แห่งขาดทุน ธุรกิจเราต้องมองต้องคิดเป็นแผน ปีนี้ขาดทุน ไม่เป็นไร ต้องมองระยะยาวว่าจะสามารถทำกำไรให้ได้หรือไม่ เพราะอย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่ทุกสาขาที่ขาดทุน อาจมี 30 ร้านที่ขาดทุน แต่อีก 40 ร้านกำไร แม้ฐานะการเงินยังมีปัญหา แต่เราคิดว่าอย่างน้อย 60-70% ยังไปได้ ฉะนั้นต้องมีการปรับปรุงธุรกิจ”
ธุรกิจการผลิตมอเตอร์ไซด์ เป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้ซีพีปีละจำนวนมากธุรกิจหนึ่ง มีการผลิตปีละ 1 ล้านคัน ซึ่งซีพีมีโรงงานทั้งหมด 3 โรงงาน ปัจจุบันขายไป 1 โรงงาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอนาคตดี เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลจิสติก และการบริการ
มุ่งขยายธุรกิจอาหารคนสนองคนรุ่นใหม่
ธุรกิจอาหารคน ซึ่งซีพีมีการผลิตและขายสินค้าหลายรายการ ที่สำคัญได้แก่ ข้าวหอมมะลิ,น้ำมัน,อาหารแช่แข็ง,และธุรกิจอาหารสด ในกลุ่มนี้ธุรกิจอาหารสดขายดีที่สุด ได้แก่ ผัก,ผลไม้,ขนมปัง,กุ้ง,นมเปรี้ยว,และอาหารไร้สารพิษ
“อาหารสดขายดี เป็นเพราะวิธีชีวิตของคนจีนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อ 20 ปีก่อน คนจีนรายได้น้อย พฤติกรรมการบริโภคเขาก็ไม่ยุ่งยาก กินอาหารอะไรง่าย ๆ แต่เดี๋ยวนี้คนจีนมีรายได้มากขึ้น เขานิยมซื้อข้าวหอมมะลิของไทย เกี๊ยวน้ำซีพีก็ขายดี แม้จะมีราคา 40-50 บาทต่อถ้วย ตรงนี้บอกได้เลยว่าธุรกิจอาหารคน โอกาสมีเยอะมากในจีนเวลานี้”
ประกอบกับการที่จีนตั้งเป้าไว้ว่าจีนจะเป็นประเทศส่งออกอาหารไปทั่วโลก การหันมาจับธุรกิจอาหารคน จึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ซีพีมองแล้วว่าจะเป็นโอกาสครั้งใหญ่ของซีพีทั้งในส่วนของการผลิตอาหารคนให้คนจีนบริโภค เพราะจีนมีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน แต่จีนเองมีการทำเกษตรกรรมน้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากร และในการส่งออกอาหารไปทั่วโลกมีประชากรประมาณ 6,000-7,000 ล้านคน
จับมือกองทุนมะกันเข้าพัฒนาอสังหาฯ
นอกจากธุรกิจอาหารคนที่ซีพีมองแล้วว่าเป็นธุรกิจดาวรุ่งแล้ว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกธุรกิจที่ซีพีเตรียมรุกหน้าเต็มที่
“อสังหาริมทรัพย์ในจีนเปิดช่องแล้ว เพราะหลังจากการประชุมสมัชชาประชาชนแห่งชาติของจีนที่เพิ่งผ่านมาจีนจะออกกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สิน โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ส่วนบุคคล ถือเป็นครั้งแรกที่จีนผ่อนคลายกฎเรื่องการถือครองที่ดินให้ประชาชนหรือเอกชนมีสิทธิในการถือครองทรัพย์สินนี้มากขึ้น จากแต่เดิมตั้งแต่ระบอบคอมมิวนิตย์ที่ไม่มีใครมีสิทธิการถือครองที่ดินเลย แม้กระทั่งจีนเปิดประตูด้านเศรษฐกิจแล้ว แต่จีนก็ยังมีนโยบายให้เช่าที่ดินระยะยาวที่ท้ายที่สุดแล้ว ที่ดินยังคงเป็นของรัฐ โดยสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้จะเขียนเอาไว้ว่าทรัพย์สินบางอย่างถือเป็นของตัวเอง รัฐไม่มีสิทธิละเมิด ซึ่งใครอยากได้บ้านก็จะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ที่สำคัญยังเอาบ้านไปจำนองขอเงินกู้จากธนาคารได้อีก”
ฉะนั้นมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีนต่อไปจะไปได้ไกล และเชื่อว่าซีพีจะสามารถเดินหน้าธุรกิจนี้ได้เป็นบริษัทแรกๆ ในจีน
ดร.สารสิน กล่าวว่า วิธีการเข้าไปเดินหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของซีพี จะใช้วิธีตามหลัก REIT หรือ Real Estate Investment Trust คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พร้อมกับธุรกิจค้าปลีก โดยซีพีวางแผนไว้ว่าจะมีการจับมือหรือร่วมทุนเป็นพาร์ทเนอร์กับกองทุนใหญ่ ๆ ของสหรัฐอเมริกา โดยร่วมลงทุนทำศูนย์การค้าขึ้นมา ในศูนย์การค้าก็จะมีโลตัสของซีพี และจะมีการบริหารพื้นที่ให้ธุรกิจอื่น ๆ มาเช่าพื้นที่ในการขายสินค้า ขณะเดียวกันพื้นที่รอบ ๆ ศูนย์การค้าก็จะมีการพัฒนาหมู่บ้าน พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ commercial
“มองว่าธุรกิจนี้จะพัฒนาไปอีกไกล เพระว่าธุรกิจเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่ซื้อมาขายไป ธุรกิจที่ตามมาก็คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พร้อมๆ กับธุรกิจค้าปลีก เช่น วอลมาร์ทของสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาเป็นชอปปิ้งมอลล์ ส่วนโลตัสก็จะมาเป็นส่วนหนึ่งของชอปปิ้งมอลล์ ส่วนหนึ่งแบ่งทำดีพาร์ทเมนต์สโตร์ และพัฒนาไปเป็นโรงแรม,บ้านจัดสรร,ศูนย์ธุรกิจ แต่หัวใจยังคือโลตัส”
สำหรับการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบนี้ ซีพีได้ทดลองเปิดสาขาแรกไปแล้วที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งเป็นเวลาที่คนจีนยังไม่พร้อมมากนัก แต่ 3 ปีผ่านไป ปรากฏว่าขายดีมาก นั่นเป็นเพราะว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจีนเปลี่ยนไปแล้ว
ขยายโลตัส 2,000สาขา-ส่งโลตัสเอ็กเพรสลงหมู่บ้าน
อย่างไรก็ดี การทำร้านค้าปลีกแบบโลตัสนั้น ก็ยังจะมีการทำต่อไป โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 75 สาขา ซีพีตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีโลตัส 2,000 สาขาในจีนในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยสาขาหนึ่งจะลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันซีพีได้มีการแบ่งบริษัทดูแลโลตัสทั้งหมด 3 บริษัทใน 3 เมืองคือ เซี่ยงไฮ้,ปักกิ่งและเสิ่นเจิ้น แต่ต่อไปจะมีการนำบริษัทมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวทั้งหมด และตั้งเป็นบริษัทมหาชน เพราะแผนต่อไปของซีพี คือจะนำธุรกิจค้าปลีกนี้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยตั้งเป้าว่าจะต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้เร็วที่สุด ไม่เกิน 2 ปี ซึ่งแผนการระดมทุนนี้นอกจากจะแก้ปัญหาการขาดทุนของโลตัสในปัจจุบันได้แล้ว ยังจะทำให้การขยายโลตัส 2,000 สาขาทั่วเมืองจีนทำได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ จากประสบการณ์ของการทำโลตัสทำให้ซีพีรู้จักตลาดจีนมากขึ้น โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้บริโภคจีนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต่อไปซีพีจะเริ่มขยายธุรกิจค้าปลีกไปตามหมู่บ้านด้วย ซึ่งรูปแบบจะเหมือนกับร้านขายของชำหรือร้านโชว์ห่วยในเมืองไทย เรียกว่า โลตัส เอ็กซเพรส ซึ่งปัจจุบันซีพีมีเอเย่นต์ขายสินค้าของซีพีอยู่ประมาณ 30,000 ราย ต่อไปก็จะพัฒนาเพิ่มอีก 10 เท่าเป็น 300,000 คน ซึ่งซีพีถือว่าเป็นบริษัทที่ได้เปรียบบริษัทอื่น ๆ เพราะปัจจุบันรัฐบาลจีนได้อนุญาตให้ซีพีสามารถเปิดธุรกิจค้าปลีกในต่างจังหวัดของจีนได้ด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|