หุ้นซึมลุ้นกนง.ลดดอกเบี้ย


ผู้จัดการรายวัน(10 เมษายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหุ้นสุดเงียบเมินข่าวระเบิดกลางกรุง นักลงทุนลุ้นข่าวกนง.ประชุมปรับลดดอกเบี้ยวันนี้ เตรียมหยุดเทรดรับหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ นักวิเคราะห์ชี้ระเบิดกลางกลางกรุงกระทบหุ้นไม่มาก เชื่อหลังสงกรานต์หุ้นซึมยาว เผยหุ้นแบงก์อ่วมผลประกอบการไตรมาส1/50 ทรุดแน่ บล.กสิกรไทย ห่วงดัชนีรูดหลุด 600 จุด ลุ้นปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (10 เม.ย.) ตลอดทั้งวันดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพราะไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศหลังเกิดเหตุระเบิดเมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้นักลงทุนบางกลุ่มรอผลการประชุมพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมในวันนี้ซึ่งก่อนหน้านี้หลายฝ่ายมีการคาดการณ์ว่าการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้น่าจะอยู่ที่ 0.50% โดยดัชนีปิดที่ 689.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.14% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 690.30 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 687.43 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6,478.05 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 206.13 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 5.29 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 200.84 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า สาเหตุที่วานนี้นักลงทุนไม่มีความตื่นตะหนกจากเหตุการณ์ระเบิดมากนัก เนื่องมาจากในปัจจุบันลงทุนส่วนใหญ่ที่ซื้อขายเป็นกลุ่มนักลงทุนเก็งกำไรสามารถรับความเสี่ยงได้สูง นิยมเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่า ทำให้ข่าวจากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบมากนัก

ส่วนเรื่องการประชุมของกนง.ในวันนี้คาดว่าแม้ว่าจะมีการปรับลดก็ไม่น่าจะส่งผลทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มาก เพราะมีปัจจัยลบที่เข้ามากระทบกับกลุ่มดังกล่าวหลายประการ ทั้งจากขึ้นเครื่องหมาย XD หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB และ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ในสัปดาห์นี้ ประกอบนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อรอการแถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์หน้า

นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในวันนี้หากกนง.มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีกประมาณ 0.25-0.50 % น่าจะทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีการปรับตัวขึ้นได้บ้าง เพราะนักลงทุนมีการซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารเก็งข่าวการปรับลดดอกเบี้ยมาระยะหนึ่งแล้ว โดยในช่วงนี้มีแนวโน้มว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์อาจเพิ่มขึ้นถึงระดับ 700 จุดได้ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญที่สุดในเรื่องการเมืองที่ต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้

ขณะที่ภาวะดัชนีในสัปดาห์นี้นั้นน่าจะทรงตัวต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ มูลค่าการซื้อขายไม่มากเพราะเป็นช่วงหยุดเทศกาลสงกรานต์ แต่หลังจากนี้ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ดีขึ้น การลงทุนน่าจะซบเซาลงต่อเนื่อง ดัชนีเคลื่อนไหวในวงแคบและไม่สามารถขึ้นลงได้มากนัก โดยแนะนำให้ลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานดี

โบรกฯคาดปรับฐาน650จุด

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่าภาวะตลาดหุ้นวานนี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวติดต่อกันในวันเทศกาลวันสงกรานต์ ประกอบส่วนหนึ่งนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆในลักษณะเดียวกันกับช่วงปลายปีที่ผ่านมาที่มีการลอบวางระเบิดในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าการเมืองเริ่มมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่ายังคงไม่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 600 จุด แต่ดัชนีจะปรับฐานอยู่ที่ระดับ 650 จุด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มตอบรับกับปัจจัยต่างๆมาพอสมควรแล้ว เพียงแต่ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนการลงทุนเท่านั้น

นางสาวอรุณรัตน์ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาช่วงท้ายตลาดในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพื่อเก็งกำไรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกนง.ซึ่งคาดว่าจะปรับลดลง 0.50% สำหรับสาเหตุที่มูลค่าการซื้อขายเบางบาง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตการลงทุน

สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าดัชนีจะรีบาวน์ขึ้นได้ในระยะสั้นๆ เนื่องจากอาจจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากการปรับลดอัตีชราดอกเบี้ย โดยประเมินแนวรับที่ 688 จุด และแนวต้านที่ 690 จุด

เชื่อ MAJOR กระทบแค่ระยะสั้น

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์บล.ซิกโก้ กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานที่ผ่านมา ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เท่าไรนัก คงมีแต่ผลกระทบทางจิตวิทยาระยะสั้นเท่านั้น เพราะในขณะนี้นักลงทุนเริ่มชินชากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่ตื่นตะหนกถอนหุ้นออกไปเท่ากับตอนที่เกิดเหตุระเบิดในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา

ส่วนปัจจัยพื้นฐานของบริษัท MAJOR ยังมีพื้นฐานที่ดีมาก ทำให้ในปีนี้รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะเพิ่มตัวขึ้นในระดับที่สูงเพราะปีนี้รายได้หลักจากการฉายภาพยนตร์ เพราะมีภาพยนตร์ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเข้าฉายตลอดทั้งปี ทำให้โดยรวมแล้วผลประกอบการของปี 2550 น่าจะปรับตัวขึ้นได้ โดยราคาเหมาะสมอยู่ที่ 18.50 บาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.