หลังไมค์...มีดีเจอ้อย

โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข
นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

สวัสดีค่ะ..นภาพรค่ะ" เสียงทักทายเปิดไมค์ของดีเจเสียงใสผู้จัดรายการ Green Wave 106.5 FM ตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงสามทุ่มทำให้แฟนานุแฟนที่ติดตามรายการของเธอ อดรู้สึกไม่ได้ว่า ขาดฟังเธอวันใดเหมือนขาดอะไรสักอย่าง เพราะวิทยุของใครบางคนคล้ายโลกส่วนตัวอีกโลกหนึ่ง ที่มีเธอนำความรื่นรมย์และเรื่องราวมาให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง

ความสำเร็จของกรีนเวฟในระยะเวลา 10 ปีที่นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ทำงานกับบริษัท เอ-ไทม์ มีเดีย หลังจากเคยมีประสบการณ์เป็นดีเจที่คลื่นแซด 88.5 FM หนึ่งปีหลังจบจากนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ นภาพรถือเป็นดีเจที่สามารถจัดควบ 2 คลื่นระหว่าง Green Wave และ Hot Wave ที่แตกต่างกันมากๆ ทั้งรูปแบบ กลุ่มคนฟัง เนื้อหารายการ แต่เธอยังคงรักษาตัวตนของดีเจมืออาชีพได้เสมอ

"อ้อยเจอเสมอว่า งานดีเจไม่มีถูกหรือผิด มันขึ้นอยู่กับความชอบหรือไม่ชอบ เวลาจัดกรีนเวฟ มันมีความยากอยู่อย่างหนึ่งคือมีทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ ถ้าจัดเพลงใหม่ไปก็ไม่ต่างจากคลื่นอื่นที่เขาทำกัน ถ้าเก่าไปคนก็คิดว่าเพลงไม่ทันสมัยหรือเปล่า? หรือเอาเพลงใหม่กับเก่ามาต่อกัน sound มันก็ไม่ต่อเนื่อง หรือถ้าเอาเรื่องวาเลนไทน์เยอะไป คนจะคิดว่าบ้ารักเกินไป? มันต้องละเอียดทุกจุดในงานดีเจ คุณจะเป็นดีเจที่ดีได้ จะต้องเป็นผู้ฟังที่ดีมาก่อน"

ความเป็นคนช่างรู้สึกและช่างสังเกตของนภาพร เป็นสะพานเชื่อมโยงกับสมองให้เธอได้คิดสร้างสรรค์ วิธีปรุงแต่งวัตถุดิบแห่งชีวิตแต่ละวันออกมา ในรูปของเสียงคุยแทรกในแต่ละช่วงเบรกของรายการ เช่น ทักทาย-เปิดเพลง-ชวนคุย-พักโฆษณา-ขอหลังไมค์ จนกระทั่งจบท้ายรายการ

นอกจากงานดีเจประจำที่ Green Wave นภาพรยังมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในทีม executive producer ที่คัดหาดีเจหน้าใหม่มานานกว่า 4 ปีแล้ว โดยบางวันเคยรับเทปเดโมสูงสุดถึง 40 ม้วนก็มี โดยเฉพาะช่วงนักเรียนนักศึกษาปิดเทอม นอกจากนี้นภาพรยังทำหน้าที่เป็น co-monitor ในทุกคลื่นด้วย

"ตำแหน่งนี้ไม่ได้มีทุกบริษัท พี่ฉอดอยากให้มีคนคอยมอนิเตอร์ฟังอย่างเดียว ไม่ต้องจับผิดแบบคนทำงาน นอกจากนี้พี่ฉอดรู้สึกว่า เวลามี production ส่งต่อให้คนทำงานเบื้องหน้า น่าจะมีคนทำงานเบื้องหน้ามาทำงานอยู่ตรงกลาง จะได้รู้ว่าส่วนคิดเกมบางอย่าง ดีเจอึดอัดไหม หรือเล่นเกมทีเดียว 3 สาย รู้สึกยากเกินไปไหม? อ้อยจะทำหน้าที่ตรงนี้คอยสกรีนขั้นหนึ่งก่อน"

ณ วันนี้ นภาพรยอมรับว่า งานดีเจเป็นงานที่ต้องการคนรุ่นใหม่ที่กล้าคิดแตกต่าง แต่ Green Wave ก็ยังมีแฟนเหนียวแน่นอยู่

"กระบวนการบริหารคลื่นแบบ format station จะทำให้เขาไม่ติดดีเจ เพราะดีเจทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคลื่น แต่เมื่อใดที่ดีเจคนใดคนหนึ่ง drop คุณจะเป็นหลุมของคลื่น มันก็เป็นความเครียดอีกแบบหนึ่ง สมมติผู้ฟังอาจจะบอกว่าฟังทุกคลื่นยกเว้นช่วงคุณจัด เราต้องคิดว่าจะยอมไม่ได้... ฉันต้องสู้ตาย เพราะฉันต้องทำให้คุณฟัง Green Wave ตลอด...โจทย์ของดีเจคือ จงทำให้รายการของคุณมีคนฟังเยอะที่สุด และความสำเร็จจะเกิดขึ้นเมื่อคนเปิดวิทยุแล้วแอบคิดว่า เป็นคุณจัดรายการหรือเปล่า?"

หลังไมค์ ผู้หญิงคนนี้ทำงานหนักด้วยหัวใจที่ทุ่มเท และภาคภูมิใจกับอาชีพดีเจที่ให้ good word, good feeling กับผู้ฟัง โดยมีสาระชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งภายใต้บริบทของธุรกิจวิทยุที่หล่อเลี้ยงความฝันของคนในอุตสาหกรรมแห่งนี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.