|
เมืองไทยประกันชีวิตพึ่ง"ธ.ก.ส."สานกลยุทธ์ต่อยอดตลาดรากแก้ว
ผู้จัดการรายสัปดาห์(2 เมษายน 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
สำหรับ"เมืองไทยประกันชีวิต"การคบ"ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร" (ธ.ก.ส.) เป็นพันธมิตร ดูจะกลายเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจเหนือคู่แข่ง ด้วยสามารถแทรกซึมความรู้การทำประกันชีวิตลงสู่ฐานรากแก้วผ่านองค์กร พนักงานของ "ธ.ก.ส." ที่ชาวรากแก้วให้ความไว้วางใจ ถือเป็นความโชคดีในระยะยาวสำหรับการเจาะตลาดขนาดใหญ่ ที่ทำให้ "เมืองไทยประกันชีวิต"สามารถปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ ที่ต้องการปูพรมขยายส่วนแบ่งการตลาดสู่ทุกหย่อมหญ้าทุกระดับที่ไร้ซึ่ง "กรมธรรม์" ความร่วมมือของ 2 พันธมิตรในงานนี้จึงกล่าวได้ว่ามีแต่ผลดี
การขยายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจประกันชีวิตให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ เป็นความตั้งใจจริงของบริษัทประกันชีวิตทุกแห่ง หลายปีที่ผ่านมาบุคคลในธุรกิจนี้จึงรับรู้ถึงรูปแบบการตลาดและกลยุทธ์ที่เปลี่ยนไปมาก จากเดิมการตลาดที่เน้นแต่ในตัวเมืองขนาดใหญ่โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ก็ผันสู่พื้นที่ชนบทไกลปืนเที่ยงมากขึ้น ด้วยมองถึงระยะยาวที่ชาวรากแก้วจะผันตัวกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์สำหรับธุรกิจประกันชีวิตเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาด
"เมืองไทยประกันชีวิต" หนึ่งในบริษัทประกันชีวิต 24 แห่งในระบบก็ให้ความสนใจตลาดรากแก้วเช่นกัน แถมบริษัท"ของคนหัวคิดทันสมัย"ยังได้เตรียมความพร้อม และวางยุทธศาสตร์เพื่อขยายฐานลูกค้าดังกล่าวไว้แล้ว จากการจับมือสร้างความเป็นมิตรกับ"ธ.ก.ส." ซึ่งยังทำให้ "เมืองไทยประกันชีวิต"มีแต้มต่ออยู่ในมือ
ความเป็นต่อของ "เมืองไทยประกันชีวิต" นั้นกล่าวได้ว่าเพราะได้พันธมิตรที่เหมาะสมต่อการบุกเข้าพื้นที่ภูธร จุดเด่นของ "ธ.ก.ส." นอกจากการมีสาขากว่า 800-900 แห่งกระจายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว ความสำคัญยังอยู่ที่ตัวพนักงานขององค์กรแห่งนี้ด้วย
จตุรงค์ ทองยี่สุ่น ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. บอกว่า เนื่องจากพนักงาน ธ.ก.ส. ต้องลงพื้นที่ในการให้ความรู้ชาวเกษตรกรและลูกค้าของธนาคาร ความที่พบเห็นกันบ่อยจึงเกิดความสนิทสนมกับชาวบ้านในชุมชน หรือลูกค้าของแบงก์สีเขียวแห่งนี้อันนำมาซึ่งความไว้วางใจต่อ
สัมพันธ์ภาพด้วยไมตรีจิตรและเกิดเป็นความไว้วางใจต่อกันนั้น สำหรับธุรกิจประกันชีวิตแล้วถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการการตัดสินใจในการทำประกันภัยทีเดียว และในจุดนี้เองที่อธิบายได้ว่าเพราะเหตุใด"เมืองไทยประกันชีวิต"จึงมีแต้มต่อ
เพราะเมื่อ"เมืองไทยประกันชีวิต"เป็นมิตรกับ"ธ.ก.ส."พนักงานของแบงก์สีเขียวจึงต้องรับหน้าที่ให้ความรู้เรื่องประกันชีวิตไปโดยปริยายส่วนเสียงตอบรับจะเป็นอย่างไรนั้นสุดแล้วแต่ลูกค้าตัดสินใจ
"แน่นอนว่าประกันชีวิตเป็นสิ่งที่ชาวบ้านอาจยังไม่เข้าใจดีพอ ดังนั้นพนักงานที่ต้องลงพื้นที่จะถูกสอนเรื่องประกันชีวิตเพื่อสามารถถ่ายทอดได้ว่าเรื่องนี้มีความสำคัญต่อการดำรงชีพอย่างไร ประกันชีวิตมิใช่แค่เรื่องของการออมและคุ้มครอง หากแต่หมายถึงการจัดการวาวแผนชีวิตที่เป็นระบบระเบียบด้วย"
นั่นคือสิ่งที่ต้องการเสนอให้ชาวรากแก้วได้รับรู้เป็นอันดับแรก ซึ่งในส่วนนี้ผู้บริหารของ"เมืองไทยประกันชีวิต"ก็มีความเห็นที่สอดคล้องกัน
สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ เมืองไทยประกันชีวิต บอกว่า เบื้องต้นก็ไม่ได้คาดหวังที่จะขยายตลาดฐานลูกค้า ธ.ก.ส. มากมายนัก เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้เป็นชาวรากแก้วทำให้ต้องใช้เวลาในการสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการทำประกันชีวิต ซึ่งจะกลายเป็นผลดีในระยะยาวสำหรับตัวลูกค้าและบริษัทด้วย
อย่างไรก็ตามด้วยฐานลูกค้าของ ธ.ก.ส.ที่มีถึง 5 ล้านบัญชีก็เป็นความหวังที่คาดไว้ว่าปีนี้น่าจะมีลูกค้าและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจทำประกันชีวิตกับบริษัทไม่ต่ำกว่า 2 แสนราย
"นอกจากนี้เรายังพบว่าแท้จริงแล้วความต้องการในกลุ่มรากแก้วในการทำประกันชีวิตมิได้ต้องการแค่แบบประกันให้ความคุ้มครองเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสนใจแบบประกันออมทรัพย์เช่นกัน"
สาระ บอกว่า เหตุนี้เองบริษัทจึงได้พัฒนาแบบประกันใหม่ที่มีความเหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งหมด 5 โครงการ ได้แก่ โครงการเมืองไทยอุ่นใจ 1-5
โครงการอุ่นใจ 1 เป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับการเกษียณอายุและต้องการความคุ้มครองระยะยาว เป็นการวางแผนใช้ในเงินอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการเมืองไทยอุ่นใจ 2 สำหรับการวางแผนเก็บเงินเพื่อการศึกษาในอนาคตหรือเป็นมรดกให้บุตรโครงการเมืองไทยอุ่นใจ 3 เน้นความคุ้มครองระยะยาวจนครบอายุ 99 ปี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้วางแผนชีวิตเพื่อสร้างมรดกไว้ให้ครอบครัว
โครงการเมืองไทยอุ่นใจ 4 แบบประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองรายได้หลักของหัวหน้าครอบครัวหรือผู้มีภาระหนี้สิน เพื่อเป็นหลักประกันให้กับสมาชิกครอบครัวในการมีรายได้แน่นอนทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
โครงการเมืองไทยอุ่นใจ 5 เป็นแบบประกันที่คล้ายโครงการเมืองไทยอุ่นใจ 4 แต่รวมสัญญาเพิ่มเติมสะสมทรัพย์ 15/15ไว้ เหมาะสำหรับผู้ออมเงินโดยคำนึงถึงความคุ้มครองด้วย
รากแก้วเป็นเพียงฐานลูกค้าส่วนหนึ่งที่ "เมืองไทยประกันชีวิต"ต้องการแผ่ขยายอำนาจด้วยการเข้าไปครอบครองอาณาจักรประชากรกลุ่มนี้ ในขณะที่ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจสำหรับองค์กร "หัวคิดของคนทันสมัย" คือการรุกตีเข้าสู่ตลาดทุกระดับชั้นอันนำมาสู่การเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และสร้างความเข้มข้นในการแข่งขันให้กับวงการธุรกิจประกันชีวิต
แน่นอนว่าการจับมือเป็นพันธมิตรครั้งนี้สร้างผลประโยชน์ให้ทั้ง 2 ฝ่าย "เมืองไทยประกันชีวิต"ได้ประโยชน์จากฐานลูกค้า"ธ.ก.ส."ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยและยังเป็นกลุ่มที่ตรงกับเป้าหมาย ขณะที่แบงก์สีเขียวก็ได้ผลประโยชน์ค่าธรรมเนียมเป็นการตอบแทนเพิ่มรายได้ให้แบงก์ หลังจากคบพันธมิตรจนพานพาไปหาผล
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|