แผนภาษีอุ้ม ศก.ส่อติดหล่ม เหตุภาษีปี 50 แนวโน้มวืด 1.5 หมื่น


ผู้จัดการรายวัน(3 เมษายน 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

“ฉลองภพ” เรียกคณะทำงาน 7 ชุดหารือวันนี้ ถกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผลักดันนโยบายที่ให้ไว้ตอนเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่ปรึกษา รมว.คลังด้านอสังหาริมทรัพย์เตรียมชงแนวทางหนุนภาคอสังหาฯ แนะมาตรการภาษีแก้ปัญหาได้ตรงจุด ส่วนมาตรการดอกเบี้ยให้ผลเชิงจิตวิทยาเท่านั้น ขณะที่อธิบดีสรรพาพรดักคอ เผยปีงบฯ 50 อาจจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 1.5 หมื่นล้าน

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (3 เม.ย.) จะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากหลังจากที่ได้เคยเชิญสถาบันการเงินของรัฐมาหารือเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ฐานราก โดยการประชุมในวันนี้จะแบ่งคณะทำงานออกเป็น 7 คณะเพื่อดูแลระบบเศรษฐกิจให้ทั่วถึง

ทั้งนี้ คณะทำงานจะประกอบไปด้วย คณะทำงานด้านความโปร่งในในระบบการคลังตามที่ได้เคยมอบนโยบายไว้เมื่อตอนเข้ารับตำแหน่ง คณะทำงานเพื่อติดตามการดำเนินโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) คณะทำงานเพื่อเร่งรัดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ คณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเพื่อกิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อสาธารณะที่มีผลการดำเนินกิจการขาดทุน เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหารากหญ้า เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นพบว่าเม็ดเงินที่ควรจะลงสู่ระบบในส่วนนี้สูญหายไปเป็นจำนวนมาก

“กระทรวงการคลังจะมีการเรียกคณะทำงานทั้ง 7 ชุดเข้ามาหารือเพื่อเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับฐานรากและภาพรวมทั้งระบบในทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. เนื่องจากเม็ดเงินที่ควรจะลงไปสู่ฐานรากหายไปเป็นจำนวนมาก จะต้องอุดช่องโหว่ในส่วนนี้ให้ได้” นายฉลองภพกล่าว

อสังหาฯ หนุนใช้ภาษีอุ้มได้ผล

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะที่ปรึกษา รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากในภาคอสังหาริมทรัพย์ในส่วนที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบนั้น ได้มีการหารือร่วมกับ 3 สมาคมหลักที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ได้แก่ สมาคมบ้านจัดสรร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุด รวมทั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งในเบื้องต้นได้รวบรวมมาตรการต่างๆ ที่เคยใช้และประสบความสำเร็งเพื่อนำเสนอแก่นายฉลองภพให้เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ

ส่วนประเด็นการเสนอให้กระทรวงการคลังใช้มาตรการด้านภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่า รมว.คลังจะมีความเห็นออกมาอย่างไร เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีทั้งผลดีและผลเสียเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กันคือ หากมีการให้ข่าวออกไปว่าจะมีการลดภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะทำให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้านชะลออการตัดสินใจออกไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นนี้ได้

“เรื่องภาษีเป็นเรื่องที่ยังไม่อยากพูดถึงในตอนนี้เนื่องจากหากพูดออกไปแล้วจะทำให้คนที่กำลังซื้อบ้านหรือโอนบ้านชะลออการซื้อออกไป และถ้าหากกระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยยิ่งจะทำให้การซื้อขายชะลออตัวออกไปอีกเป็นการสร้างความหวังให้กับคนอย่างลมๆ แล้งๆ ขอให้รมว.คลังตัดสินใจเสียก่อนแล้วค่อยให้มีข่าวออกมาเองน่าจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า” นายขรรค์ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารธอส.เห็นชอบกับการนำเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะนายขรรค์ ซึ่งขณะนี้นั่งในตำแหน่งที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ถึง 3 ตำแหน่ง คือ กรรมการ ธอส. กรรมการผู้จัดการธอส.และที่ปรึกษา รมว.คลัง ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในวงการนี้มาเป็นระยะเวลานาน

ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่บอร์ดบริหารของธอส.ให้ความเห็นชอบไปแล้วนั้นเชื่อว่านายฉลองภพจะต้องรับฟังและนำไปพิจารณาเพื่ออนุมัติเนื่องเป็นมาตรการที่สามารถปฏิบัติได้จริงที่เคยใช้ในอดีตและเห็นเป็นรูปธรรมมาแล้ว (โดยเฉพาะการลดภาษีการโอนที่ดินที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี ซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูฯ ในวันสุดท้ายของการใช้มาตรการภาษีโอนที่ดิน อันนี้เป็นเหตุการณ์สมมตินะ) ทั้งนี้ มาตรการส่วนใหญ่น่าจะเป็นมาตรการทางด้านภาษีที่จะส่งผลโดยตรงต่อผู้ที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน ในขณะที่มาตรการด้านดอกเบี้ยนั้นเป็นผลกระทบทางจิตวิทยาเท่านั้นเนื่อจากการซื้อบ้านเป็นการผ่อนในระยะยาวเรื่องภาษีอาจไม่มีผลกระทบมากนัก

“มาตรการด้านภาษีถือเป็นมาตรการที่สำคัญที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อบ้านได้เร็วขึ้น เนื่องจากเมื่อเกิดการโอนบ้านคนซื้อบ้านก็เห็นผลทันทีว่าประหยัดค่าโอนไปได้หลายหมื่นบ้าน ซึ่งในส่วนนี้กระทรวงการคลังจะต้องพิจารณาด้วยว่าการเพิ่มภาษีใช่ว่าจะเก็บภาษีได้มาก แต่การลดภาษีลงจะทำให้ฐานภาษีกว้างขึ้นเกิดการบริโภคมากขึ้นผู้ที่ได้ประโยชน์ก็คือรัฐบาลจะสามารถเก็บภาษีได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้อย่างเต็มที่จะต้องใช้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน” แหล่งข่าวกล่าว

ผวาภาษีหลุดเป้า 1.5 หมื่นล้าน

นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร คาดว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2550 จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จากที่กำหนดเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1.14 ล้านล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการเก็บภาษีต่ำกว่าที่คาดไว้ ในเดือนมีนาคม 2550 คาดว่า กรมจัดเก็บภาษีจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า 2-3 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำสุด สาเหตุเกิดจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่มลดลง เพราะการนำเข้าลดลง เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินบาทแข็งค่า แม้ว่าจะจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเกินเป้าหมายถึง 1-2 พันล้านบาท ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ปี 2550 นี้พบว่า การยื่นภาษีบุคคลธรรมดาผ่านอินเทอร์เน็ตจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของการยื่นรายการเสียภาษี จากปีก่อนที่อยู่ในสัดส่วน 70%

เพิ่มทุน ธ.เฉพาะกิจปีแรกต่ำ 2 หมื่นล.

นายกฤษฎา อุทยานิน รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.เตรียมจะเสนอแผนเพิ่มทุนสถาบันการเงินเฉพาะกิจภาครัฐให้นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลังพิจารณา โดยคาดว่างบประมาณในปีแรกที่ใช้ในการเพิ่มทุนอาจไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท โดยพิจารณาจากเหตุผลและความจำเป็นในการใช้เงินทุน รวมทั้งแผนงานที่สถาบันการเงินนั้นเสนอมาด้วย ส่วนแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในการเพิ่มทุน ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปศึกษารายละเอียด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.