|
พรีม่าโกลด์ปรับแผนรับบาทแข็งปรับราคาทองคำส่งออกเน้นตลาดอินเดีย-อเมริกา
ผู้จัดการรายวัน(28 มีนาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
พรีม่าโกลด์ รับมือค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จ่อคิวปรับราคาทองคำส่งออกขึ้น หลังขาดทุนแล้วเกือบ 10 ล้านบาท เร่งบูมตลาดต่างประเทศทะลวงอเมริกา-อินเดีย หวังเป็นขุมทองเสริมรายได้ภายในประเทศ ปรับตัวบุกเซ็นจูรี่ โกลด์ เจาะตลาดทั่วไป อัด 65 ล้านบาท ผุดสาขาทุกรูปแบบ 12-13 แห่ง สิ้นปีโต 15% กวาดรายได้ 800 ล้านบาท
นางสาวรุ่งนภา เงางามรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายทองพรีม่าโกลด์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดรองรับค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 35 บาทต่อดอลล่าห์สหรัฐ อาจจะแตะถึง 32 บาทดอลล่าห์สหรัฐ บริษัทฯจึงได้เตรียมปรับราคาทองคำในการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้บริษัทฯจะประสบกับภาวะขาดทุน 5% หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท โดยการปรับราคาทองคำขึ้นในครั้งนี้ จะปรับตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดว่าจะไม่กระทบต่อยอดส่งออก เนื่องจากปัจจุบันการผลิตทองคำ 24 เคในตลาดโลกมีคู่แข่งน้อยราย
สำหรับแผนการตลาดต่างประเทศปีนี้ บริษัทฯจะมุ่งเน้นขยายตลาดสหรัฐอเมริกาและอินเดีย เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยเฉพาะในอินเดียคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 20% จากปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 5% ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้ามียอดขาย 200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ตะวันออกกลางในสัดส่วน 50% อเมริกา 10% ญี่ปุ่น 15% ที่เหลืออีก 25% ในภูมิภาคเอเชีย
“ปีที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยชะลอตัวลง โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนทางการเมือง ส่งผลให้ยอดขายภายในประเทศมีสัดส่วนที่ลดลงจาก 80% เป็น 75% อีกทั้งยังมีผู้ผลิตทองคำ 96.5% ราว 7,000 รายหรือคิดเป็น 10% ที่ต้องปิดกิจการลง ด้านการส่งออกปรับเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 25% โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนการส่งออกจะอยู่ที่ 25% และภายในประเทศ 75%”
สำหรับแผนการตลาดในประเทศ ปีนี้บริษัทฯจะขยายสาขาเพิ่ม 12-13 แห่ง ภายใต้การทุ่มงบ 65 ล้านบาท แบ่งเป็น พรีม่าโกลด์เปิดเพิ่ม 2 สาขา จากปัจจุบัน 41 สาขา พรีม่าไดมอนด์ 4-5สาขา จาก 21 สาขา และเซ็นจูรี่ โกลด์เปิดเพิ่ม 5 สาขา จากเดิมมี 10 สาขา ทั้งนี้ปีนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นแบรนด์เซ็นจูรี่โกลด์เป็นหลัก เนื่องจากเป็นทองคำ 96.5% จึงครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากกว่าเมื่อเทียบกับทองคำ 24 เค กลุ่มเป้าหมายจะอยู่ระดับบีขึ้นไปกระทั่งเอ โดยเซ็นจูรี่โกลด์จะเน้นการดีไซน์ที่ทันสมัยตามกระแสแฟชั่น เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นเป็นหลัก
ขณะที่งบการตลาดใช้ราว 20 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมและแคมเปญต่างๆ ได้แก่ การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งบริษัทฯได้มีการปรับเปลี่ยนโลโก้เมื่อปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังได้จัดโปรโมชันพิเศษและกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า สำหรับปีนี้บริษัทฯยังได้วางแผนที่จะออกคอลเลกชั่นใหม่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรองรับกับความต้องการลวดลายใหม่ๆ และตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทองคำล้ำดีไซน์
สำหรับภาวะตลาดทองคำมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้ สภาพตลาดหดตัวลง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์วางระเบิดในช่วงวันเฉลิมฉลองปีใหม่ ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทลดลง 20% ส่วนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์พบว่าภาวะตลาดเริ่มดีขึ้น แต่ในช่วง 2 เดือนยอดขายลดลง 10% ส่วนเดือนมีนาคมนี้ กระทั่งถึงไตรมาสที่สอง หากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค คาดว่าสภาพตลาดโดยรวมจะส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนราคาทองคำไม่สามารถคาดคะเนได้อย่างชัดเจนว่าจะขึ้นหรือลง แต่มีแนวโน้มว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
“พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่มีต่อการซื้อขายทองรูปพรรณ แม้ว่าจะเกิดความผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลกลาสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ผู้บริโภคก็ยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อทองรูปพรรณ ทั้งเพื่อการเก็บการสะสมและการมอบให้ในวาระพิเศษต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็เมื่อสังเกตุถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อของผู้บริโภคปัจจุบัน พบว่าไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มองหาสิ่งใหม่ที่แปลกไปจากเดิม โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น”
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% หรือมีรายได้ 800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 700 ล้านบาท เติบโต 10% ทั้งนี้เมื่อเทียบกับปี 2548 บริษัทฯมีอัตราการเติบโต 25% และปี 2547 เติบโต 22% ทั้งนี้รายได้หลักจะแบ่งเป็น พรีม่าโกลด์ 50% พรีม่า ไดมอนด์ 20% ส่วนพรีม่า อาร์ท และเซ็นจูรี่ โกลด์ 30%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|