|
ธุรกิจรับสร้างบ้านบุกตลาดท่องเที่ยว รับกำลังซื้อ-เตือนสมาชิกอย่ามุ่งกลุ่มลูกค้าเดียว
ผู้จัดการรายวัน(30 มีนาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เลขาธิการสมารับสร้างบ้าน เตือนสติสมาชิก อย่าเฮโลมุ่งแข่งขันในตลาดรูปแบบเดิม หวั่นจะฆ่ากันเอง แนะต้องขยายตลาดใหม่ๆในต่างจังหวัด โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว พบพฤติกรรมเกือบ 90% ไม่เลือกซื้อโครงการจัดสรร กระทุ้งสมาชิกต้องยกระดับมาตรฐาน เพื่อสร้างความแตกต่างบ้านมือสอง ผู้รับเหมา
นายสิทธิพร สุวรรณสุต เลขาธิการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวยอมรับว่า ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านส่วนใหญ่ ยังคงขยายอยู่ในวังวนที่แข่งขันกันในรูปแบบเดิมๆ เช่น เคยเน้นจับตลาดรับสร้างบ้านในระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ก็ขยายมาจับตลาดรับสร้างบ้านตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป หรือเน้นจับตลาดรับสร้างบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป ก็ขยายมาจับตลาดรับสร้างบ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาทมากขึ้น แต่ทั้งหมดก็ยังแข่งขันจับตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ไม่ได้ขยายไปสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่มีความต้องการใช้บริการรับสร้างบ้าน อย่างเช่น จังหวัดใหญ่ๆที่มีการค้าการลงทุนสูง จังหวัดท่องเที่ยว และจังหวัดที่เป็นเมืองอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีผู้บริโภคและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ แต่ไม่ต้องการใช้ผู้รับเหมารายย่อยในท้องถิ่นที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ
" หากผู้ประกอบการ ยังมุ่งแข่งขันขยายตลาดแบบเดิมๆ มูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านอาจไม่เพิ่มขึ้นมากนัก การไม่ขยายไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ หรือพื้นที่ใหม่ๆในอนาคต โอกาสและตลาดของผู้ประกอบการก็จะค่อยๆแคบลง การแข่งขันอยู่ในตลาดเดิมก็จะรุนแรงมากขึ้นและมีความเสี่ยงสูง ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการควรจะพัฒนาขีดความสามารถ และพัฒนาศักยภาพองค์กร ให้สามารถขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งผลการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในต่างจังหวัด 90% ไม่นิยมซื้อบ้านจัดสรร สำหรับแนวคิดที่จะขยายตลาด อย่างมุ่งหวังผลเพียงแค่ปริมาณเท่านั้น ควรยึดถือและให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและบริการ เพื่อสร้างความแตกต่างจากบ้านจัดสรร บ้านมือสอง และผู้รับเหมารายย่อย "
สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2550 นายสิทธิพรกล่าวยอมรับว่า ผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานาน เริ่มสะท้อนให้เห็นภาพรวมของภาคธุรกิจที่ถดถอย เนื่องจากผู้ประกอบการชะลอการลงทุน ผู้บริโภคไม่มั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้าน ก็มีปัญหาไม่ต่างกัน แต่ด้วยการจัดงานNews Home Builder ครั้งที่ 2 ที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้าน ปรับตัวดีขึ้น คาดว่ายอดขายตลอดไตรมาสที่ 1 จะมีมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท
" แม้ผู้บริโภคจะไม่มั่นใจต่อภาวะการเมืองและเศรษฐกิจในปี 2550 นี้ แต่เป็นที่ยอมรับกันดีว่า มีผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านน้อยกว่าผู้ประกอบการบ้านจัดสรร เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มนี้มีวินัยการออมเงินสูง และมักใช้เงินสดแทนการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน "เลขาธิการสมาคมฯกล่าวและชี้ว่า
ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน จะต้องพยายามสื่อให้ลูกค้าได้เข้าว่า การสร้างบ้านถือเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงและมีความเสี่ยงไม่น้อย หากผู้บริโภคไม่พึงระมัดระวังเลือกใช้ผู้ประกอบการที่มีเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการตัดสินใจเลือกผู้ประกอบการเพียงเพราะเห็นว่า"ราคาถูกกว่ารายอื่น" ซึ่งไม่ได้ตรวจสอบประวัติความเป็นมาหรือประสบการณ์ และผลงานของผู้ประกอบการรายนั้นๆอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ดี การจะยกระดับมาตรฐานบริษัทรับสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานอย่างสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน จะต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบ การส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการที่พร้อมจะพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถ เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญและเร่งรัดพัฒนา และควรมีความกล้าหาญที่จะคัดแยกผู้ประกอบการที่ขาดคุณสมบัติ ออกไปจากความเป็นสมาชิกและระบบธุรกิจรับสร้างบ้าน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|