มอสเบอร์เกอร์ซามูไรบุกไทย ทุ่ม90ล.3ปีแรกลุย4ทำเลหลัก


ผู้จัดการรายวัน(30 มีนาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

มอสเบอร์เกอร์จากแดนซามูไร บุกตลาดเบอร์เกอร์ในไทย ตั้งบริษัทลูกลุย วางเป้าหมาย 3 ปีแรก ทุ่มงบ 90 ล้านบาท เปิด 12 สาขา ชูอาหารสุขภาพ ปีแรกขอประเดิมยอดขาย 20 ล้านบาท รุก 4 ทำเลหลัก มั่นใจตลาดตอบรับ

นายยาซึมาสะ อาซาอิ ประธานกรรมการ บริษัท มอส ฟูดส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจอาหารด้วยการเปิดร้านมอสเบอร์เกอร์ในประเทศไทย ด้วยการก่อตั้งบริษัทฯดังกล่าวขึ้นมา เพื่อเป็นผู้บริหาร จัดการ ลงทุนเปิดร้านมอสเบอร์เกอร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 55 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ถือหุ้นประกอบด้วย 1.บริษัท มอส ฟู๊ดส์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่จากญี่ปุ่นถือหุ้น 49.9%

ส่วนฝ่ายไทยประกอบด้วย 2.บริษัท เอเชียน ฟู๊ด เน็ทเวิร์ค แอนด์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 39% ตั้งเมื่อปีที่แล้วเพื่อร่วมลงทุนในบริษัทใหม่นี้เป็นหลัก 3.บริษัท แบงคอก อินเตอร์ ฟู๊ด จำกัด ถือหุ้น 10% ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับแป้งข้าว การแปรรูปแป้ง และ 4.บริษัท บีทีเอ็มยู โฮลดิ้ง ประเทศไทย จำกัด ถือหุ้น 1.1% ซึ่งเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทยของมิตซูบิชิโตเกียว ยูเอฟจี แบงก์ กรุ๊ป

ทั้งนี้กลยุทธ์การรุกตลาดในประเทศไทยนั้น จะเป็นวิธีการที่แตกต่างจากการเข้าลงทุนในประเทศอื่น กล่าวคือ ในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีร้านมอสเบอร์เกอร์รวมทั้งสิ้นกว่า 1,500 สาขา ซึ่งแบ่งเป็นร้านของบริษัทประมาณ 10% เป็นร้านของแฟรนไชส์ 90% ส่วนในประเทศไต้หวันมี 121 สาขา ที่สิงคโปร์มี 21 สาขา และฮ่องกง มี 2 สาขา ซึ่งทั้งสามประเทศนี้ร้านมอสเบอร์เกอร์เป็นของบริษัท 100%

แผนการลงทุนในประเทศไทยในช่วง 3 ปีแรกจากนี้ วางแผนเปิดร้านมอสเบอร์เกอร์ไว้ในปีแรก 2 สาขา ปี 2551 เปิดอีก 4 สาขา และปี 2552 เปิดอีก 6 สาขา โดยใช้งบลงทุนเปิดสาขาละ 9 ล้านบาทโดยเฉลี่ย รวมเป็นงบลงทุนประมาณ 90-100 ล้านบาท และใช้งบประมาณด้านการตลาดในปีแรก 10% จากยอดขาย ส่วนปีต่อไปจะใช้ประมาณ 1-2% จากยอดขายรวม ซึ่งแม้ว่าเปอร์เซนต์น้อยลงแต่ฐานรายได้ที่มากขึ้นจากสาขาที่มากขึ้น

ส่วนทำเลในการเปิดร้านมอสเบอร์เกอร์นั้น บริษัทฯกำหนดไว้ 4 แนวทางคือ 1.เปิดในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง 2.ในศูนย์การค้าชานเมือง 3.ออฟฟิศบิวดิ้ง และ 4.ในย่านชุมชนต่างๆแบบสแตนด์อโลน ซึ่งบริษัทฯจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ไม่มีการขายแฟรนไชส์

โดยสาขาแรกเปิดให้บริการแล้วที่ชั้น 3 เซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า ซึ่งสาเหตุที่เปิดที่นี่แห่งแรกเพราะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีศักยภาพโดดเด่น ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่คนเอเชียด้วยกัน และมีร้านค้าต่างๆมากกว่า 500 ร้านค้า ตั้งเป้ารายได้ปีแรกไว้ที่ 20 ล้านบาท

การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั้น เนื่องจากในปัจจุบัน การพัฒนาทางเศรษฐกิจพร้อมกับการขยายตัวของชนชั้นกลางในประเทศไทย เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลทำให้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจนเป็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าเหตุใดอาหารญี่ปุ่นจะกลายมาเป็นอาหารที่เป็นที่นิยมอย่างสูงในเวลานี้ ซึ่งบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นพิจารณาแล้วเห็นว่าไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพจึงตัดสินใจลงทุน

ในปีแรกคงจะไม่เน้นสื่อทีวีมากเพราะว่าเรายังมีสาขาน้อยเพียงแค่แห่งเดียว คงจะเน้นการทำโปรโมชั่นและโฆษณาพวกใบปลิวมากกว่า

นายยาซึมาสะกล่าวต่อว่า บริษัทฯมั่นใจว่า มอสเบอร์เกอร์จะสามารถเติบโตได้ในตลาดเบอร์เกอร์ในไทย ด้วยจุดแข็งของเมนูอาหารที่เน้นสุขภาพเป็นหลัก ซึ่งเป็นไปตามกระแสของคนรักสุขภาพในเวลานี้ที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯมีเมนูหลายอย่างให้เลือก ซึ่งเป็นทั้งเมนูดั้งเดิมจากญี่ปุ่นและเมนูที่พัฒนาขึ้นมาในประเทศไทย โดยใช้วัตถุดิบในไทยมากกว่า 97% โดยราคาของบริษัทฯอาจจะมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง เพราะจับกลุ่มเป้าหมายระดับกลางถึงบน ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ

ทั้งนี้ในประเทศญี่ปุ่น มอสเบอร์เกอร์มีสาขามากกว่า 1,500 แห่ง เป็นอันดับที่สองรองลงมาจาก แมคโดนัลด์ที่มีมากกว่า 3,000 สาขา ส่วนจำนวนสาขาอันดับสามคือ เบอร์เกอร์คิง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.