|
“โมลีแคร์”เตรียมสยายปีกตปท ดึงแฟรนคอร์ปพัฒนาแฟรนไชส์
ผู้จัดการรายวัน(30 มีนาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
“คาร์แลค 68” สร้างแบรนด์ใหม่ เป็น “โมลี แคร์ บาย คาร์แลค 68” ล่าสุดดึงแฟรนคอร์ปร่วมพัฒนาระบบแฟรนไชส์ หวังปีนี้ยอดแฟรนไชส์เพิ่ม 70 สาขา พร้อมเตรียมโกอินเตอร์รุกตลาดต่างประเทศ
นายกฤษฎ์ กาญจนบัตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯต้องการรุกขยายฐานเข้าสู่ตลาดต่างประเทศและขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างมากยิ่งขึ้นจึงได้มีการพัฒนาแบรนด์ใหม่เพื่อให้เป็นมาตรฐานสากลและมีความน่าเชื่อถือในระดับประเทศมากขึ้น
โดยการพัฒนาแบรนด์ฯในครั้งนี้จะสร้างแบรนด์ใหม่คือ “โมลี แคร์ บาย คาร์แลค 68” (Moly Care by Car-Lack 68) ดังนั้น การพัฒนาแบรนด์ของแฟรนไชน์สาขาใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปจะเปิดภายใต้ชื่อ โมลี แคร์ ส่วนแฟรนไชน์สาขาอื่นๆที่ได้เปิดดำเนินกิจการภายใต้ชื่อ คาร์แลค 68 นั้นจะค่อยๆปรับเปลี่ยนแบรนด์ใหม่เป็น “โมลี แคร์” เหมือนกันทั้งหมด ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน คือ “More than a car care”
สำหรับเรื่องมาตรฐานการให้บริการทางด้านแฟรนไชส์คาร์แคร์นั้น การที่จะยกมาตรฐานขึ้นสู่ในระดับสากลนั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งในเรื่องระบบการดำเนินงานและคุณภาพการบริการของแฟรนไชส์ในประเทศก่อน ซึ่งขณะนี้ทาง บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับบริษัท แฟรนคอร์ป เป็นที่ปรึกษาด้านการวางระบบแฟรนไชส์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในด้านการวางระบบแฟรนไชน์ให้เป็นมาตรฐานสากลระดับนานาชาติ ก่อนที่แบรนด์ “โมลี แคร์ บาย คาร์แลค 68” จะก้าวสู่เวทีตลาดโลกอย่างเต็มตัว
สำหรับในเรื่องรูปแบบระบบการขายภายในประเทศนั้น ทางบริษัทฯ ได้จัดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1. โมลี แคร์ บาย คาร์แลค 68 แฟรนไชส์ จะเป็นการให้บริการคาร์แคร์และจัดโปรโมชั่นตามนโยบายของบริษัทฯทั้งหมด 2. โมลี แคร์ บาย คาร์แลค 68 ดีลเลอร์ จะเป็นกลุ่มที่มีการตกแต่งร้านและโปรโมชั่นขึ้นอยู่กับแต่ละร้านแต่จะมีการสั่งออร์เดอร์สินค้าเพื่อเข้าไปวางขายในร้านปริมาณที่บริษัทฯ กำหนด และ 3. โมลี แคร์ บาย คาร์แลค 68 ซัปพอร์ทเตอร์ เป็นกลุ่มที่ร้านจะซื้อผลิตภัณฑ์บางตัวไปวางขายในร้าน ทางบริษัทฯ ก็จะมีป้ายแบนเนอร์ เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าภายในร้านให้
ทางบริษัทฯกำหนดโซนนิ่งในการเปิดสาขาเช่น ในแต่ละจังหวัดจะมีศูนย์บริการได้ 1 ศูนย์เท่านั้น เว้นแต่จังหวัดนั้นจะมีพื้นที่ใหญ่มากๆหรือในรูปแบบของดีลเลอร์ ก็จะมีการกำหนดระยะห่างของร้านว่าจะต้องห่างกันรัศมีกี่กิโลเมตร
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาทั้งหมด 50 สาขา ทั่วประเทศ และในปี 2550 นี้จะเพิ่มอีก 20 สาขา เป็น 70 สาขา ด้วยเงินลงทุนประมาณ 1.8 - 2 ล้านบาทต่อสาขา โดยใช้พื้นที่ขั้นต่ำ 160 ตารางเมตร (ไม่รวมพื้นที่จอดรถ) โดยในปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีผลประกอบการ 60 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากระบบแฟรนไชส์ 60% ระบบดีลเลอร์ 25% และระบบศูนย์บริการ 15% สำหรับเป้าหมายยอดขายปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับการขายแฟรนไชส์ในตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทฯจะขายเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ โดยเป็นตัวแทนแห่งเดียวในประเทศและมีสิทธิการดำเนินงานเองด้วย เช่น ดูไบ มาเลเซีย เวียดนาม
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|