|
ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์-ไม้ฝาสู้บาทแข็ง อินเด็กซ์ฯเร่งคุมต้นทุน-เฌอร่าเล็งปรับราคาขึ้น
ผู้จัดการรายวัน(26 มีนาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ธุรกิจวัสดุก่อสร้างมึนเงินบาทแข็งค่าไม่หยุด กลุ่มอินเด็กซ์ร้องมูลค่าการส่งออกหายกว่า 10% เร่งลดต้นทุนผลิต พร้อมเปิดเจรจาคู่ค้าขอปรับขึ้นราคา หันผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ อินเด็กซ์และแบรด์ในเครือ รวมถึงผลิตสินค้ามิกซ์แอนด์แม็ทเพิ่มมูลค่าได้กว่า 15-20% ด้านมหพันธ์กระเบื้องคอนกรีต เล็งปรับราคาขายไม้สังเคราะห์แบรนด์"เฌอร่า" ค่ายคอนวูด เริ่มปรับกระบวนทัพรับมือตลาดส่งออก
นายปรีชา พิพัทธกุศลสุข ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เฟิร์น ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ "อินเด็กซ์" เปิดเผยว่า นับจากต้นปี 2549 ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันปรับตัวลงไปกว่า 16% เนื่องจากเงินบาทของไทยผูกติดกับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่มีการชะลอตัว อย่างไรก็ตามการอ่อนตัวดังกล่าว ถือว่ามากกว่าความเป็นจริง เพราะหากเทียบกับประเทศเพื่อบ้านอย่าง ประเทศมาแลซีย และจีนแล้วค่าเงินอ่อนตัวลงไปเพียง 5-6% เท่านั้น
"ทั้ง 2 ประเทศมีความแตกต่างตรงที่จีนมีเงินทุนสำรองที่ใหญ่มาก ในขณะที่มาเลเชียเองรัฐบาลมีมาตรการป้องกันค่าเงินไม่ให้อ่อนตัว แต่หากพิจารณาแล้วค่าเงินบาทของไทยไม่น่าจะแข็งได้มากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้มีการโจมตีค่าเงินให้ค่าเงินอ่อนตัว มาปัจจุบันก็เชื่อว่าน่าจะมาจากกลุ่มผู้เกร็งกำไรค่าเงินบาท "
ทั้งนี้การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกในทุกอุตสาหกรรม ทำให้มูลค่าการส่งออกของกลุ่มบริษัทลดลงถึง 10% ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ผลิตเองประสบปัญหาในเรื่องของราคาวัตถุดิบปรับขึ้น 10-15% ซึ่งได้พยายามปรับลดต้นทุนเพื่อให้สามารถอยู่รอดในธุรกิจได้
"ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการให้ค่าบาทอ่อนตัว แต่ต้องการให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถปรับตัวให้ทัน แต่ทุกวันนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทุกวันทำให้ปรับตัวตามไม่ทันจนบางรายต้องประสบปัญหาขาดทุน ทุกวันนี้การส่งออกก็เพื่อให้สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนงานได้ทำงานเท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลุ่มบริษัทได้ปรับตัวด้วยการ ลดต้นทุนการผลิตลงในทุกทางแต่จะไม่ลดคุณภาพสินค้า นอกจากนี้ยังได้เจรจากับผู้ค้าในต่างประเทศ เพื่อขอปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ทำได้เพียง 10-15% เท่านั้น ซึ่งบริษัทได้ปรับแผนใหม่ โดยการผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สามารถตั้งราคาใหม่ได้ รวมไปถึงเลิกผลิตสินค้าในรุ่นที่เก่าหรือล้าสมัยมีผู้ผลิตจำนวนมากในตลาด
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาอีกประการคือ การผลิตในแบรนด์สินค้า อินเด็กซ์ และแบรนด์ในเครือ หรือ Original Brand Manufactory = OBM เพื่อชูจุดแข็งของแบรนด์สินค้า อีกทั้งยังผลิตสินค้าแบบขายคอนเซ็ปต์ สินค้าทุกชิ้นเข้าชุดกัน หรือมิกซ์แอนด์แม็ท ลูกค้าไม่ต้องไปเดินหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ชนิดอื่นตามร้านต่างๆ เพื่อให้เช้าชุดกันเหมือนในอดีต ซึ่งการผลิตสินค้าประเภทนี้ออกมาจะต้องมีโชว์รูม เพื่อจัดสินค้าโชว์สร้างบรรยากาศให้ลูกค้าถูกใจแลตัดสินใจซื้อในราคาที่สูงกว่า ซึ่งคุณภาพจะต้องสูงตามด้วย ซึ่งจะทำทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้การผลิตสินค้าในลักษณะนี้จะสร้างมูลค่าเพิ่มได้กว่า 15-20% โดยบริษัทจะเริ่มผลิตสินค้าในลักษณะนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายวลิต จิยะวรนันท์ ผู้อำนวยการทั่วไป บริษัท มหพันธ์กระเบื้องคอนกรีต จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายกระ เบื้องหลังคา "ห้าห่วง" และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไม้สังเคราะห์ "เฌอร่า" กล่าวว่า ถึงแม้สินค้าหลักของบริษัท จะเน้นกระเบื้องคอนกรีต ที่ตลาดหลักจะอยู่ในประเทศ แต่ก็ยอมรับว่า การแข็งค่าของเงินบาท ค่อนข้างมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าในกลุ่มไม้สังเคราะห์แบรนด์เฌอร่า เนื่องจากทางบริษัทเริ่มขยายการส่งออกไปประเทศต่างๆ ไม่ว่าประเทศในภูมิภาคเอเชีย ,เกาหลี,จีน,ไต้หวัน,ตะวันออกกลางและประเทศในแถบยุโรป
ซึ่งแนวทางการปรับตัวและบริหารความเสี่ยงนั้น ทางบริษัทจะเจรจากับคู่ค้า โดยกำหนดราคาขายในช่วงอัตราแลกเปลี่ยนวันนั้น และถ้าหากการแข็งค่าของเงินบาทอยู่ระหว่าง 5% และไม่เกิน 10% ทางบริษัทยังไม่ปรับราคาขาขึ้น และเมื่อบาทแข็งค่าเงินเกิน 10% ทางบริษัทจะเป็นต้องปรับราคา
"จะว่าไปแล้ว ก็เหมือนดาบสองคม กรณีถ้าปรับราคาขายขึ้น โอกาสที่จะขายสินค้าคงยากขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีทางเลือกในการหาสินค้าแหล่งอื่นเข้ามาได้ ซึ่งตรงนี้ต้องมีวิธีที่จะไม่ให้กระทบต่อยอดขายของบริษัท อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวคงจะกระทบต่อนโยบายการส่งออกในช่วงสั้น แต่ในระยะกลางถึงยาวแล้ว คงไม่กระทบมากนัก "นายวลิต กล่าว
อนึ่ง ในด้านของบริษัท คอนวูด จำกัด ผู้ผลิตแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์และไม้ฝา "คอนวูด" คงจะต้องมีการปรับตัวเพื่อรับผลจากค่าเงินบาท เนื่องจากในปี 2550 บริษัทจะหันมารุกตลาดส่งออก เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทเพิ่งขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 90,000 ตันต่อปี และปัจจุบันยังมีกำลังผลิตเหลืออีกประมาณ 25% หรือประมาณ 22,000 ตัน เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันเรื่องราคา กำลังผลิตส่วนที่เหลือทั้งหมดจะถูกนำมาใช้ผลิตไม้ฝาขายในประเทศและส่งออกควบคู่
หรือแม้แต่บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร ได้กำหนนโยบายที่จะขยายตลาดการส่งออกเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการส่งออกประมาณ 20% แต่ในช่วงที่ผ่านมา ช่วงที่เงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้น ทางบริษัทได้หันมาใช้วิธี ก่อนที่จะส่งออกสินค้า ทางบริษัทจะมีการคำนวณเป็นเงินบาทแล้วค่อยส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|