“โฮมเวิร์ค” เปิดศึกชน “โฮมโปร”


ผู้จัดการรายสัปดาห์(26 มีนาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดค้าวัสดุงัดโปรโมชั่น-แท็คทีมพันธมิตรจัดมหกรรมลดราคากระตุ้นกำลังซื้อ โฮมเวิร์คใช้จุดแข็งมืออาชีพรีเทล ลุยเปิด 8 สาขาใน 3 ปี ดันรายได้ทะลุหมื่นล้านภายใน 5 ปี ด้านโฮมโปรงัดอิฐมวลเบาคิวคอนเป็นวัตถุดิบผลิตชุดครัวปูนเสริมสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เดิม

แม้ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์จะตกอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดบ้านใหม่ ประกอบกับมีการคาดการณ์ตัวเลข GDP ว่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 3.5-4% เท่านั้น กลับเป็นจังหวะที่ได้เห็นสีสันของโมเดิร์นเทรดผู้จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง พร้อมใจกันงัดกลยุทธ์ออกมากระตุ้นกำลังซื้อกันอย่างดุเดือด

แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเหตุการณ์ระเบิดจะยิ่งกระทบโมเดิร์นเทรดให้อยู่ในภาวะอึมครึม แต่สำหรับโฮมโปรยังคงรักษาอัตราการเติบโตของบริษัทได้ดี โดยปี 2549 มีรายได้ 14,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.48%

คงต้องยอมรับว่าการแข่งขันของโมเดิร์นเทรด นอกเหนือจากการขยายสาขาให้ครอบคลุม สินค้าให้เลือกหลากหลาย อีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจ คือ ราคา ซึ่งโฮมโปรอาศัยการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการบริหารซัปพลายเชนและการสั่งซื้อสินค้าล็อตใหญ่ เพื่อให้ได้ส่วนลดเช่นเดียวกับวิธีของโมเดิร์นเทรดทั่วไป รวมทั้งการผลิตสินค้าประเภท House Brand ที่สามารถควบคุมต้นทุนได้เอง

นอกจากนี้การจับมือพันธมิตรจัดงาน HomePro Expo ก็สามารถกระตุ้นตลาด สร้างการรับรู้ และสร้างยอดขายให้โฮมโปรได้ดี โดยล่าสุดการจัดงานครั้งที่ 4 ทำรายได้ทะลุเป้า 400 ล้านบาท มาอยู่ที่ 435 ล้านบาท แม้จะมีปัจจัยลบต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งณัฏฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำลังซื้อยังคงมีอยู่ เพียงแต่ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจที่จะจับจ่ายใช้สอย แต่แม้ตลาดบ้านใหม่จะหดตัว ก็ยังไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะ 70-80% ของลูกค้า คือ บ้านเก่าที่ต้องการซ่อมแซม

โดยโฮมโปรเตรียมจะจัดงาน HomePro Expo ครั้งที่ 5 ขึ้นในวันที่ 16-25 มี.ค. นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท ในการจัดงาน จับมือกับซัปพลายเออร์กว่า 2,000 ราย บัตรเครดิต 8 บัตร และบริษัทเงินผ่อน 2 ราย เป็นพันธมิตรในการนำเสนอแคมเปญครบวงจร ทั้งลด แลก แจก แถม เมื่อซื้อหรือใช้บริการของสินค้าแต่ละแบรนด์ ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงแคมเปญของโฮมโปรเองที่ลูกค้าจะได้รับ เมื่อซื้อสินค้าภายในงานครบตามยอดที่กำหนด แม้ว่าแต่ละเดือนโฮมโปรจะมีการจัดแคมเปญประจำเดือนเพื่อกระตุ้นยอดขายอยู่แล้ว แต่การจับมือกับพันธมิตรเพื่อจัดงานใหญ่ก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามาแล้วคุ้มค่า และสร้างการรับรู้แบรนด์โฮมโปรในระยะยาวด้วย

ณัฏฐ์ กล่าวว่า โฮมโปรตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตขึ้น 20% ที่ 2,800 ล้านบาท ทั้งจากแผนการขยายสาขาเพิ่มอีก 4-5 แห่งภายใน 2550 ได้แก่ ชลบุรี, เอกมัย-รามอินทรา,ระยอง, พัทยา และย่านปริมณฑล รวมทั้งการเปิดตัวชุดครัวปูน Estetik ที่ใช้อิฐมวลเบาคิวคอนเป็นวัตถุดิบ เจาะตลาด B ขึ้นไป และการเปิดบริการ Home Care By HomePro โดยช่างผู้ชำนาญงาน ครอบคลุมการขนส่ง ติดตั้ง บำรุงรักษา ออกแบบ เป็นการรุกงานด้านเซอร์วิสอย่างครบวงจร ซึ่งจะเริ่มกับสาขาใน กทม. ก่อน

สำหรับโฮมเวิร์ค ธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างภายใต้ปีกของ เครือเซ็นทรัล รีเทล ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของเมืองไทย แม้จะต้องพบกับปัจจัยลบที่ไม่แตกต่างจากโฮมโปร แต่ก็ยังสร้างรายได้สวนกระแสถึง 1,750 ล้านบาท โดยเติบโตขึ้น 40% ซึ่ง พงศ์ ศกุนตนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด กล่าวว่า มาจากยอดขายของสาขาเดิมที่เติบโตขึ้น 10-15% เนื่องจากการปรับปรุงหน้าร้าน และซัปพลายเชน, การจัดงาน Homework Expo, การเปิด 2 สาขาใหม่ คือเพชรเกษม และพัทยาใต้ ซึ่งเป็นสาขาสแตนด์อโลนที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง, การจัดโปรโมชั่นสะสมยอดชื้อแลกของสมนาคุณ และโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิต รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเจ้าของบ้านและกลุ่มผู้รับเหมา

สำหรับงาน Homework Expo ล่าสุดได้จัดไปแล้วในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา เป็นการรวมสินค้าและโปรโมชั่นมาไว้ในงาน ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มียอดขาย 320 ล้านบาท เกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาท และเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการจัดงานครั้งแรกถึง 50% ซึ่งจะมีการจัดงานอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3

พงศ์ กล่าวว่า โฮมเวิร์คตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้น 48% มีรายได้รวม 2,600 ล้านบาท ที่ตั้งเป้าไว้สูง เพราะมั่นใจในแผนธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเป็นมืออาชีพด้านค้าปลีก และอาศัยฐานข้อมูลบัตรเดอะวันการ์ดที่มีอยู่ 1.3 ล้านราย มาใช้ในการทำ Direct Marketing เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง และตั้งเป้าผลักรายได้ให้ถึง 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี โดยภายในปี 2552 จะขยายให้ได้ 6-8 สาขา เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อยุธยา บางใหญ่ รามอินทรา บางนา และสมุทรปราการ ภายใต้งบลงทุน 500-800 ล้านบาทต่อสาขา คาดว่าในปี 2550 จะเปิดได้ 2 สาขา


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.