|
ทุนนอกไม่ทิ้งตลาดหุ้นไทยโบรกฯเล็งหั่นเป้าจีดีพี-แนะลดดบ.กระตุ้นศก.
ผู้จัดการรายวัน(22 มีนาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัท มอร์แกนสแตนเลย์ พร้อมผู้บริหารกองทุนจากสหรัฐอเมริกา และยุโรปรวม 4 ราย ได้เข้าสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปัจจัยทางด้านการเมือง และเศรษฐกิจของไทย การแก้ไขกฎหมายต่างๆ เช่น การแก้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ผู้ประกอบธุรกิจต่างด้าว รวมถึงนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อนำไปพิจารณาในการประกอบการตัดสินใจในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศได้ให้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า ตลาดหุ้นไทยมีความสนใจน่าเข้ามาลงทุน และราคาถูก แต่ก่อนที่จะนำเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน จะต้องศึกษาข้อมูลเพื่อสร้างความมั่นใจในตลาดหุ้นไทยก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้กองทุนดังกล่าวยังคงลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น กลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ฯลฯ
"ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศเข้าพบครั้งนี้ เพราะต้องการขอความมั่นใจการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยผู้บริหารกองทุนต่างๆ ได้มีการสอบข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และการแก้ไขกฎหมายต่างๆ เช่น พ.ร.บ.ต่างด้าว การแปรูปรัฐวิสาหกิจ รวมถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทย และได้มีการสอบถามถึงมาตรการ 30% ด้วย"
นายวิเชฐ กล่าวต่อว่า ผู้บริหารกองทุนต่างๆ มีการตอบรับที่ดีและสนใจจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังจากได้รับทราบข้อมูลต่างๆ จากผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ เรียบร้อย และหลังจากนั้นผู้บริหารกองทุนดังกล่าวยังได้เข้าพบกับนายกรณ์ จาติกวานิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจอีกด้วย
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ในปลายเดือนเมษายนนี้ ทางสมาคมฯจะมีการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และมุมมองด้านการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ค่าเงิน อัตราดอกเบี้ย ดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยส่วนตัวเชื่อว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับลดในเรื่องการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ จากที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ส่งผลให้มีการลงทุนต่างๆ น้อยลงตามไปด้วย
"ผมมองว่าภาครัฐควรที่จะมีการลดดอกเบี้ย เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันทีในช่วงนี้ ไม่เหมือนกับปัจจัยทางการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะต้องใช้เวลาที่จะรอความชัดเจน โดยส่วนตัวมองว่า ภายใน 3-5 เดือนนี้ ควรที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.75-1% แต่หากสามารถลดอัตราดอกเบี้ยก่อนวันที่ 11 เมษายนนี้จะเป็นเรื่องที่ดี"
ต่างชาติขายสุทธิ 500 ล้านบาท
ด้านบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ วานนี้ (21 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวลงตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนจะดีดกลับมาเล็กน้อยในช่วงบ่าย แต่ทรงตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีปิดที่ 669.59 จุด ลดลง 2.20 จุด หรือ 0.33 % มูลค่าการซื้อขาย 7,961.36 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 502.28 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 77.30 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 579.58 ล้านบาท
ทั้งนี้ แรงขายส่วนใหญ่อยู่ในหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน โดยเฉพาะบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ที่มีแรงเทขายออกมา จนราคาปรับลดลง 1.50 บาท ลดลง 1.71 % มาปิดที่ 86 บาท มูลค่าการซื้อขาย 713.59 ล้านบาท ขณะที่บริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ UCOM ยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่องหลังจากมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยหุ้นปรับตัวขึ้น 4.08 % เพิ่มขึ้น 2 บาท มาปิดที่ 51 บาท มูลค่าการซื้อขาย 171.96 ล้านบาท
นายกมลชัย พลอินทวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนิตี้ จำกัด กล่าวว่า การที่หุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคารมีการปรับตัวลดลงในวานนี้ เป็นการเทขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างประเทศ หลังจากที่ประเมินสถานการณ์แล้วว่าไม่ควรที่จะถือหุ้นไว้ในตลาดหุ้นไทย และคาดว่าจะอยู่ในภาวะซบเซาและปรับตัวลงตลอดทั้งสัปดาห์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 660 - 650 จุด แนวต้าน 672-682 จุด
ทั้งนี้ ในส่วนของหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั่วทวีปเอเชีย มีการปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน การปรับตัวลดลงของหุ้น PTTEP นี้เป็นผลต่อเนื่องมาจากเรื่องดังกล่าว โดยราคาน่าจะปรับลดลงจนถึงระดับ 82 - 85 บาท และปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|