|
แอสคอนฯชอปโครงการอสังหาฯ เล็งรีสอร์ตในหัวหินมูลค่าพันล้าน
ผู้จัดการรายวัน(21 มีนาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
แอสคอนฯธุรกิจในตระกูลวิไลลักษณ์ ใช้สูตรไล่เทกโอเวอร์โครงการอสังหาฯ หวังต่อยอดงานในมือดันรายได้ในมือ ระบุภายในไตรมาส 2 รู้ผลซื้อโครงการรีสอร์ต แอนด์ สปา จ.ประจวบคีรีขันธ์ เล็งจับกลุ่มลูกค้าเกษียณอายุ พร้อมเดินหน้าปั๊มงานในมือปี 50 ให้ได้กว่า 5,000 ล้านบาท ตามแผนสร้างรายได้ 2,500 ล้านบาท เตรียมดูดเงินผู้ถือหุ้นตามแผนเพิ่มทุนครั้งใหม่
นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการขยายตลาดงานรับเหมาก่อสร้างว่า การเข้าไปซื้อโครงการที่สร้างค้าง เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะขยายงานรับเหมาก่อสร้าง โดยจะขึ้นอยู่กับความจำเป็นของการเข้าไปบริหาร อย่างเช่น โครงการคอนโดมิเนียม ดิ อินสไปร์ พระรามเก้า ที่บริษัทเข้าไปสวมสิทธิ์จากบริษัท วัชรธร จำกัด ซึ่งชนะการประมูลโครงการคอนโดฯมาจากกรมบังคับคดี โดยบริษัทแอสคอนฯเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการดังกล่าว หลังจากที่บริษัทวัชรธรฯประมูลมาได้ ทั้งนี้ ทางบริษัทจะต้องลงทุนในการซื้อที่ดินและก่อสร้างให้แล้วเสร็จรวม 987 ล้านบาท โดยโครงการมีมูลค่าขายประมาณ 1,400 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯกำลังเจรจากับผู้ประกอบการจากส่วนกลาง ที่ไปลงทุนพัฒนาโครงการรีสอร์ต แอนด์ สปา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงการมีศักยภาพในการขยายตลาด โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนต่ำกว่าที่ซื้อโครงการคอนโดฯ ดิ อินสไปร์ฯ
"สภาพของโครงการรีสอร์ต มีการก่อสร้างไปเพียง 20-30% บนเนื้อที่ประมาณ 70 ไร่ ขณะนี้เจรจาใกล้ได้ข้อสรุป คาดว่าไม่เกินไตรมาส 2 จะชัดเจน ทั้งนี้ รูปแบบในการบริหารยังคงคอนเซ็ปต์เดิม รวมถึงจะขยายกลุ่มลูกค้าเกษียณอายุ ที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศที่ดี "นายพัฒนพงษ์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯกล่าวถึงแนวโน้มของงานในมือว่า ในปีนี้ได้ตั้งเป้ามูลค่าไว้ที่ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากได้ตั้งเป้าหมายรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท จากที่ในปี 2549 มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท คาดว่าเป้าหมายงานในมือน่าจะได้เกินกว่าที่วางไว้ เนื่องจากมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างลงนามสัญญาในการก่อสร้าง เช่น งานระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท โครงการก่อสร้างตึกสูงของบริษัทเอกชน มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และยังมีงานภาครัฐที่เจรจาอีก 1 โครงการ ขณะที่ตัวเลขงานก่อสร้างในมือ ณ สิ้นปี 2549 มีมูลค่าประมาณ 3,200 ล้านบาท
นายพัฒนพงษ์ กล่าวในส่วนของการเพิ่มทุนครั้งใหม่ว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ได้อนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 200 ล้านบาท เพิ่มเป็น 400 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยให้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 100 ล้านหุ้นจำหน่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วนการจองซื้อ 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคา 2.50 บาท และสำรองหุ้นสามัญเพิ่มทุน 100 ล้านหุ้น สำหรับการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์) จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ในราคาใช้สิทธิ 4.50 บาท ระยะเวลา 3 ปี และหากไปตามทฤษฎีดังกล่าว ทางบริษัทจะได้เงินเข้ามาประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายงานรับเหมาก่อสร้างในอนาคต
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|