"สมาร์ทการ์ด เงินอิเลคทรอนิคส์"


นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2536)



กลับสู่หน้าหลัก

บัตรเครดิตกสิกรไทยอัจฉริยะ หรือ TFB SMART CARD เป็นบัตรที่ใช้ระบบอิเลคทรอนิคส์ในรูปของไมโครชิปบรรจุข้อมูล และรหัสของบัตรแทนการใช้แถบแม่เหล็กที่ติดบนบัตรเครดิตทั่วไป

ไมโครชิปจะถูกฝังอยู่มุมซ้ายของบัตร มีรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 1.5 คูณ 1.5 เซนติเมตร ไมโครชิปสีเหลืองทองหนึ่งชิ้นบรรจุหน่วยความจำถึง 8 KB หรือประมาณ 5,000 ตัวอักษร

ความสามารถในการบันทึกข้อมูลทำให้ทีเอฟบี สมาร์ทการ์ดเพียงใบเดียวมีประสิทธิภาพเท่ากับบัตรพลาสติก 3 ประเภทรวมอยู่ในบัตรใบเดียว คือ เป็นเดบิทการ์ด หรือบัตรเงินสดทันใจ หรือที่เรียกกันว่า บัตรเอทีเอ็ม ใช้ถอนเงินจากเครื่องฝาก-ถอนอัตโนมัติหรือตู้เอทีเอ็ม เป็นเครดิตการ์ดใช้เซ็นจ่ายเงินล่วงหน้าได้ตามวงเงินสินเชื่อ และสุดท้ายเป็นสมาร์ทแคช เสมือนหนึ่งมีเงินสดพกติดตัว ใช้ซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าโดยไม่ต้องใช้ธนบัตร

"สมาร์ทการ์ดจะมีประโยชน์มากในอนาคต นอกจากจะสะดวกไม่ต้องพกบัตรหลายใบแล้ว ยังช่วยให้ไม่ต้องเก็บเหรียญสตางค์ให้ตุงกระเป๋าอย่างเช่น ซื้อสบู่ 35.5 บาทเราใช้สมาร์ทแคชซื้อได้เลยทางร้านค้าก็จะมีบัตรอีกใบ และมีเครื่องสำหรับดูดเงินจากบัตรลูกค้า 35.50 บาทเป็นตัวเลขอยู่ในบัตรของร้าน ถ้าตลอดทั้งวันมีคนซื้อของเป็นเงิน 52,000 บาท เงินทั้งหมดก็จะอยู่ในบัตรใบเดียว และทางร้านสามารถส่งเข้าเครื่องไปที่บัญชีธนาคารได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลานับเงินสดอีกครั้ง" วรภัทร โตธนเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยเล่าให้ฟังถึงความคล่องตัวเมื่อใช้สมาร์ทการ์ด

นอกเหนือจากความสะดวกในการใช้จ่ายและรับเงินแล้ว ยังมีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ถือบัตร อาทิโรคประจำตัว กรุ๊ปเลือด ประวัติการแพ้ยา ยาที่ใช้เป็นประจำ กีฬาที่เล่นประจำ เป็นต้นสำหรับเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการรักษากรณีฉุกเฉิน

อีกทั้งเป็นสมาร์ทไอดีใช้บันทึกรหัสลับของผู้ถือบัตรและมีโปรแกรมทำลายหน่วยความจำทั้งหมด เมื่อมีผู้อื่นนำบัตรไปใช้และใส่รหัสผิด หรือพยายามจะถอดรหัส

จากความสามารถป้องกันตัวได้เองของสมาร์ทการ์ดทำให้ทางธนาคารกสิกรไทยมั่นใจว่าการปลอมแปลงบัตรจะเป็นไปไม่ได้เลย จึงกล้าอนุมัติการเบิกเงินสดได้ตามวงเงินจริงในบัญชี จากเดิมที่เมื่อใช้บัตรเครดิตจะจำกัดการเบิกจ่ายวันละ 20,000 บาทเท่านั้น และยังให้ใช้บัตรสมาร์ทการ์ดแทนการใช้สมุดคู่ฝาก

"มีการคาดการณ์ไว้ว่าในทศวรรษ 1990 ก่อนถึง ค.ศ.2000 จะเริ่มนิยมใช้สมาร์ทการ์ดกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น หลังจากผ่านช่วงการทดลองใช้ในบางประเทศ และยังไม่ประสบความสำเร็จนักในระยะ 19-20 ปีที่ผ่านมา ทางกสิกรไทยจึงโดดเข้ามาในช่วงเวลานี้ ซึ่งคิดว่าเป็นจังหวะเหมาะสมที่สุด" วรภัทรกล่าว

นอกจากประสิทธิภาพที่เกิดจากสมองอิเล็กทรอนิคส์ของสมาร์ทการ์ดแล้ว ทางกสิกรไทยได้สร้างค่าสมาร์ทการ์ดให้เป็นตัวเงินขึ้นมา ด้วยการทำบันทึกยอดใช้บัตรซื้อสินค้าและบริการ เพื่อนำมาเป็นส่วนลดหรือแลกของกำนัลตามระดับยอดคะแนนสะสม จากห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารภัตตาคาร ตลอดจนบริษัทที่ร่วมกับทางธนาคารจัดรายการสมนาคุณผู้ใช้บัตร ซึ่งในขั้นต้นจะมีประมาณ 10 แห่ง

ก่อนที่ ทีเอฟบี สมาร์ทการ์ดจะเปิดตัวด้วยความร่วมมือของสี่บริษัทใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย บริษัทล็อกซบิทซึ่งอยู่ในเครือบริษัทล็อกซเล่ย์เป็นบริษัทซัพพลายเออร์ไมโครชิป บริษัทเจมพลัส เทคโนโลยี เอเชีย และบริษัท เวอริโฟน (สิงคโปร์)

ธนาคารไทยพาณิชย์เคยหยั่งเชิงสมาร์ทการ์ดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2530 โดยมีโปรแกรมบันทึกข้อมูลส่วนตัวมากกว่าทีเอฟบี สมาร์ทการ์ด อาทิ ข้อมูลบัตรภาษี บัตรประชาชน ข้อมูลพาสปอร์ต เป็นต้นแต่ไม่เป็นที่นิยมจนต้องพับเก็บเข้าแฟ้มตามเดิม เพราะในระยะนั้นคนไทยใช้บัตรเอทีเอ็มมากที่สุด และกำลังหันมาสนใจใช้บัตรเครดิตมากขึ้น

ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งเริ่มตื่นตัวขึ้นรวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย และคาดว่าคงมีการออกสมาร์ทการ์ดในระยะเวลาใกล้เคียง กับของธนาคารกสิกรไทยที่กำหนดเปิดรับสมาชิกกลางเดือนตุลาคมและให้บริการในเดือนธันวาคม ปีนี้

ทางธนาคารกสิกรไทยถือว่าสมาร์ทการ์ดเป็นบัตรเครดิตสำหรับลูกค้าเกรดเอที่สามารถมีวงเงินสินเชื่อตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เท่ากับเป็นการสกรีนลูกค้าชั้นแรกเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง และในขณะเดียวกันก็เป็นการจำกัดวงการใช้บัตรทางอ้อมเช่นกัน ซึ่งในอนาคตเมื่อการแข่งขันสูงขึ้น เพดานวงเงินสินเชื่อของสมาร์ทการ์ดอาจจะกลายเป็นกลยุทธ์เรียกลูกค้าวิธีหนึ่ง ดังเช่นที่บัตรเครดิตใช้อยู่ปัจจุบัน และเมื่อถึงวันนั้นสมาร์ทการ์ดอาจเข้ามาแทนที่บัตรเครดิตตามที่หลายๆ คนคาดหวัง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.