คอนโดฯแข่งดุศุภาลัยปรับลดหันจับแนวราบ


ผู้จัดการรายวัน(19 มีนาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ศุภาลัยรับอานิสงค์คนหนีความไม่สงบ 3 จังหวัดภาคใต้ ซื้อบ้าน ที่หาดใหญ่ สงขลา เพียบส่งผลยอดขายบ้านที่หาดใหญ่พุ่งเดือนเดียวเกือบ 100 ล้านบาท ด้านตลาดกทม.คอนโดฯยังแข่งเดือด เตรียมลดสัดส่วนการพัฒนาคอนโดฯ จาก เดิม 62% เหลือ 44% ของรายได้ เพิ่มบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ ตั้งเป้ายอดขายปีนื้8,800 ล้านบาท

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัทศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิด เผยว่า จากปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัย อยู่ในจังหวัดดังกล่าว ได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่จังหวัดใกล้เคียงจำนวนมาก เห็นได้ จากยอดขายของบริษัท สงขลานครินทร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือในปี 2549 สูง ถึง 200 ล้านบาท และในเดือน มกราคมที่ผ่านมามียอดขายเกือบ 80 ล้านบาท ภายใน เดือนเดียว โดยผู้ซื้อกว่า 40% เป็นคนต่างถิ่นจาก 3 จังหวัดภาคใต้

ส่วนตลาดในกรุงเทพมหานคร ในช่วงต้นปี 2550 แนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ใน ภาวะที่ชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและผู้บริโภคทำให้ทุกฝ่าย ต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับปัจจัยภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป

ในส่วนของผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดตัว โครงการใหม่ๆน้อยลง หันไปพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดเล็กลงมีราคาต่อหน่วยถูกลงจากบ้านเดี่ยวไปเป็น ทาวน์เฮาส์และอาคารชุดมากขึ้น โดยเฉพาะทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดอาคารชุดทำให้ผู้ ประกอบการต้องเน้นความสำคัญกับการศึกษาวิจัยพัฒนารูปแบบของที่อยู่อาศัยให้สอด คล้องกับความต้องการของผู้บริโภค

การปรับตัวดังกล่าวจะทำให้ ปีนี้จะมีการแข่งขันที่สูงมากทั้งในเรื่องของราคา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการส่งเสริมการขายบริษัทจึงกำหนดนโยบายและแผนงานตลอดจน กลยุทธ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดัง กล่าว โดยเน้นพัฒนาสินค้าในหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียม

ด้านนายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวเสริม ว่า การเลือกทำเลสำหรับโครงการใหม่จะแตกต่างกับ 2 ปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยจะ เน้นการกระจายโครงการออกไปรอบๆ กทม.และปริมณฑล จากเดิมที่ปี 2548 จะเน้น ทำเลกลางเมือง และในปี 2549 มีทั้งทำเลกลางเมืองและโซนตะวันออก เพื่อรับสนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงการพัฒนาโครงการในหลายประเภท ไม่ได้ให้น้ำหนัก ที่โครงการประเภทใดประเภทหนึ่งมากเกินไป เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในภาวะที่ เศรษฐกิจยังคงชะลอตัวอยู่

โดยปีนี้บริษัทจะพัฒนาโครงการออกสู่ตลาดรวม 6-8 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 2-3 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการและคอนโดมิเนียมอีก 2-3 โครงการ สำหรับตลาด คอนโดมิเนียมในปีนี้จะมีโครงการใหม่ออกสู่ตลาดมากขึ้นและทำให้บางทำเลเริ่มมี ปัญหาสินค้าเกินความต้องการของตลาด โดยเฉพาะในทำเลรัชดาภิเษก-ลาดพร้าว บริษัทจึงปรับเปลี่ยนไปพัฒนาคอนโดมิเนียมในทำเลที่การแข่งขันน้อย แต่ยังคงเกาะ อยู่ในแนวรถไฟฟ้า

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2549 บริษัทและบริษัทในกลุ่มมีรายได้จากการ ขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 4,517.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี ก่อน 1,160.95 ล้านบาท หรือ 35% และยังมียอดขายที่ยังไม่ได้ส่งมอบบ้านให้ลูกค้า ได้ยังมีจำนวนสูงถึง 8,651 ล้านบาท โดยจะสามารถทยอยส่งมอบได้ในปีนี้อีกไม่ต่ำ กว่า 3,400 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ 8,800 ล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้จะมาจากคอนโดฯ 44% บ้านเดี่ยว 45% และทาวเฮาส์ 11% จากเดิมในปี ที่ผ่านมาคอนโดฯจะมีสัดส่วนมากที่สุด 62% บ้านเดี่ยว 35% และทาวนเฮาส์ 3%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการพัฒนาโครงการในภูเก็ตเพิ่มเติม โดยล่าสุดได้พัฒนา โครงการโรงแรมและรีสอร์ท ที่จังหวัดภูเก็ต ในชื่อโครงการ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ ศุภาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ใช้งบในการลงทุนประมาณ

300 ล้านบาท บนเนื้อที่ 50 ไร่ บริเวณอ่าวปอ จำนวน 182 ห้องพักมูลค่าโครงการและ มีพูลวิลล่าสำหรับขายหรือให้เช่าอีกราคาขายหลังละ 18-22 ล้านบาท และยังมีแผน พัฒนาคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว สำหรับขายให้กับคนที่ในท้องถิ่นอีก 1 โครงการ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.