โฮมเวิร์คลุยตลาดไดเร็คเปิดแผน3ปีทุ่มงบ6พันล.


ผู้จัดการรายวัน(15 มีนาคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

โฮมเวิร์ค เปิดแผนใหญ่ ช่วง 3 ปี 2550-2552 ผุดอีก 8 สาขา ด้วยงบรวมกว่า 6 พันล้านบาทมั่นใจช่องทางโมเดิร์นเทรดยังมีอนาคต ลั่นปีนี้ยอขายเติบโต 48% ขณะที่ปีที่แล้ว โต 40% โกยยอด 1,750 ล้านบาท

นายพงศ์ ศกุนตนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีอาร์ซี เพาเวอร์รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ โฮมเวิร์ค ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจุบันการปรับเปลี่ยนทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มองว่าตั้งแต่เดือนมีนาคม – เมษายน ลูกค้าจะชะลอการจับจ่ายไปก่อนเพราะขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคจนสามารถกระตุ้นการจับจ่ายได้ สำหรับบริษัทคงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงหลังสงกรานต์อีกครั้งจึงจะสามารถประเมินได้ ซึ่งวางแผนจะจัดงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โปอีกครั้ง ประมาณไตรมาสที่ 3 นี้ด้วย

อย่างไรก็ตามหากมองในภาพรวมแล้ว ตลาดโฮมอิปปรูฟเม้นท์ยังมีอนาคตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางโมเดิร์นเทรด เพราะตลาดรวมกว่าแสนล้านบาทนั้น ช่องทางหลักมาจากเทรดดิชันแนลเทรดกว่า 80% ส่วนโมเดิร์นเทรดมีเพียง 20% เท่านั้น บริษัทฯมองว่าโอกาสในการขยายตัวของช่องทางโมเดิร์นเทรดยังมีอีกมาก

นายพงศ์ กล่าวต่อว่า ในขณะที่ศักยภาพของสาขาเดิมมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มปี 2550 เพียง 2 เดือนแรก (ม.ค. – ก.พ. ) มีอัตราการเติบโตโดยรวมถึง 10% เฉพาะสาขาเพชรเกษมเติบโตขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้แผนงานระยะยาว 2550-2552 ตั้งเป้าขยายาสาขาให้ได้ 6-8 สาขา เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อยุธยา บางใหญ่ รามอินทรา บางนา และสมุทรปราการ โดยเตรียมงบลงทุนต่อสาขา ประมาณ 500 – 800 ล้านบาท หรืองบรวมประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นสแตนด์อโลน และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของสาขาเก่าหรือแย่งตลาดกันเอง และในสิ้นปี 2550 คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาใหม่ได้ 2 สาขา

สำหรับในปี 2550 นี้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 48% มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,750 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนลูกค้าอีก 10%

ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานสมาชิกจากลูกค้าบัตรเดอะวันการ์ดถึง 1.3 ล้านราย และเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้ากับโฮมเวิร์ค 1.3 แสนราย จึงมีช่องทางที่บริษัทจะสามารถทำไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง (Direct Marketing) ได้อีกมากโดยใช้ Database จากลูกค้ากลุ่มดังกล่าว และมีการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Big Ticket มูลค่า 10,000 บาทขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ยอดการใช้จ่ายอยู่ที่ 1,600 บาทต่อบิล เพิ่มขึ้น 5%

นอกจากนั้นในปี 2550 จะมีการปรับปรุงสาขาเดิมอย่างต่อเนื่องเช่น สาขาบางนาใช้งบ 20 ล้านบาท คาดเสร็จไตรมาสที่สอง คาดยอดขายเติบโต 15% หลังรีโนเวตเสร็จ การพัฒนาบุคลากรโดยมีทีมบริการที่เป็น มืออาชีพ และเซอร์วิสที่จะสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้า การจัดการด้านซัพพลายเชน (Supply Chain) และระบบงานที่มีประสิทธิภาพ สำหรับการคัดเลือกและบริหารสินค้าบริษัทจะปรับ Range Assortment ในทุกแผนก โดยเพิ่มสินค้าราคาระดับกลางเพื่อรองรับลูกค้าบ้านที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมา พบว่า มียอดขาย 1,750 ล้านบาท เติบโต 40% ปัจจัยหลักมาจาก ยอดขายจากสาขาเดิมที่เติบโตขึ้น 10-15% การจัดงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป มหกรรมสินค้าเพื่อคนรักบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าครั้งแรก เมื่อปลายเดือนสิงหาคม สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 220 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 200 ล้านบาท

พร้อมกับการเปิดสาขาใหม่ 2 สาขา คือ สาขาเพชรเกษมเมื่อเดือนมกราคม มีพื้นที่ 1 หมื่นตารางเมตร และ สาขาพัทยาใต้ในเดือนกันยายน มีพื้นที่ร้าน 34,000 ตารางเมตร เป็นร้านรูปแบบสแตนด์อโลนรายแรกซึ่งเป็นตลาดที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง ทำให้ทั้ง 2 สาขาสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯอย่างมาก การจัดรายการส่งเสริมการขายที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า (Benefit) ให้กับลูกค้า การขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านและกลุ่มช่างผู้รับเหมา การจัดงานอีเว้นท์ทั้งในและนอกสโตร์( Sale Event)

“ตลอดปี 2549 ถึงแม้สภาวะการณ์ภายนอกจะไม่ปกติ แต่ในแง่การดำเนินธุรกิจจากอัตราการ เติบโตที่เพิ่มขึ้น 40% ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างมาก” นายพงศ์กล่าว

สำหรับงานโฮมเวิร์ค เอ็กซ์โป ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16-25 ก.พ. ที่ผ่านมา บริษัทฯมียอดขายเพิ่มขึ้น 50% เทียบจากการจัดงานครั้งที่ผ่านมา ตลอดทั้ง 10 วัน มียอดขายรวม 320 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.