เวนดี้ส์ คือแฟรนไชส์แฮมเบอร์เกอร์น้องใหม่ล่าสุดจากอเมริกา ที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าคำว่า
"เวนดี้ส์" พร้อมจะบุกตลาดฟาสต์ฟู้ดเมืองไทย ด้วยได้เปิดสาขาในเมืองไทยขึ้นแล้ว
1 สาขา ที่ชั้นใต้ดินเดอะมอลล์ธนบุรีเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ด้วยพัฒนาการของธุรกิจฟ้าสต์ฟู้ดในช่วงหลังๆ นี้เกิดขึ้นเร็วมาก และไม่เฉพาะแต่เมืองไทย
แทบจะทุกประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน จีน ฟิลิปปินส์
อินโด แนวโน้มมันขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นเดียวกันทั้งหมด
จากตัวเลขที่ได้รับการยืนยันว่า ในปัจจุบันมูลค่าตลาดของอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดทั้ง
5 ประเภท คือพิซซ่า, แฮมเบอร์เกอร์, ไก่ทอด, โดนัท และไอศกรีม มีกว่า 3 พันล้านบาท
เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน ที่มีมูลค่าเพียง 5 ร้อยล้านบาทเท่านั้น เฉพาะในกลุ่มแฮมเบอร์เกอร์ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด
มีแมคโดนัลด์ มาเป็นอันดับหนึ่ง และตามมาด้วยเบอร์เกอร์คิงส์ มีมูลค่าตลาดรวมเกือบ
600 ล้านบาทในปัจจุบัน
เป็นจุดที่ทำให้นักธุรกิจกลุ่มของเวนดี้ส์ไทย ตัดสินใจนำแฟรนไชส์ เวนดี้ส์
จากอเมริกาเข้ามาสู่เมืองไทยอย่างไม่ต้องลังเล เพราะการขยายตัวของตลาดที่เขามองว่ายังขยายได้อีกมหาศาล
โดยมี กรรณิการ์ สุขเสรี, วารี วนาสัตกุล, กมลชัย ผดุงกิจ ที่เป็นเพื่อนนักเรียนนอกจากฟอร์ริดา
สหรัฐอเมริกา ด้วยกันแต่อยู่กันคนละมหาวิทยาลัย เป็นผู้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทเวนดี้ส์
ไทยขึ้นมา
สมัยเรียนพวกเขาเหล่านี้คุ้นเคย และเดินเข้าออกในร้านเวนดี้ส์มานาน จนเกิดความชอบขึ้นมาเหมือนๆ
กัน หลังจากกลับมาเมืองไทยได้แยกย้ายกันไปทำงานที่ต่างคนต่างร่ำเรียนมา
จนเมื่อ 3 ปีที่แล้วจึงคิดรวมตัวกัน และได้แจ้งความประสงค์ไปยังเวนดี้ส์
อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อขอแฟรนไชส์ มาทำในเมืองไทย
แต่ทางเดินไม่ได้ราบเรียบเหมือนเดินบนพรม จำต้องแข่งขันกับกลุ่มคนไทยอีกหลายๆ
กลุ่มที่มองหาธุรกิจฟาสต์ฟู้ดที่นับวันจะบูมขึ้น !!! มาเปิดในเมืองไทย อยู่เกือบ
3 ปี ในที่สุดทางเวนดี้ส์มองเห็นความตั้งใจจริงของกลุ่มนี้เลยได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะ
"เวนดี้ส์เอง เขามีปรัชญาว่าต้องการให้คนที่ได้ลิขสิทธิ์ของเขายึดเวนดี้ส์เป็นธุรกิจหลัก
มีบริษัทใหญ่ในเมืองไทยที่เข้ามาแข่งกับเรา แต่เวนดี้ส์บอกว่าถ้าหากให้บริษัทใหญ่ไปแล้ว
เวนดี้ส์ก็คือหนึ่งในอาณาจักรของเขาเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาเองก็เกรงว่าจะไม่ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่
นั่นจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่เลือกทางกลุ่ม เวนดี้ส์ ไทย" พิทักษ์ เล่าให้ฟังถึงที่มาของบริษัทเวนดี้ส์ในเมืองไทย
พิทักษ์ ศรีสกลกิจ ถูกดึงตัวเข้ามาร่วมงานกับเวนดี้ส์ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปโดยมีดีกรี
MBA มาจากสหรัฐอเมริกา
เวนดี้ส์ไทยจึงถือกำเนิดมา ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาทชำระเต็ม ด้วยความมุ่งมั่นที่ว่าการเข้ามาในอุตสาหกรรมฟาสต์ฟู้ดแล้วต้อง
"GO BIG" ทำแค่สาขาหรือ 2 สาขาไม่ได้ ซึ่งเขาถือว่าเป็นธุรกิจหลัก
จึงพร้อมที่จำทุ่มทุนเพื่อเปิดสาขาเพิ่มขึ้น
ในอเมริกา เวนดี้ส์ ซึ่งถือว่าเป็นกิจการแฟรนไชส์สาขาภัตตาคารฟาสต์ฟู้ดประเภทแฮมเบอร์เกอร์
วัดจากขนาด ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากแมคโดนัลด์ และเบอร์เกอร์คิงส์ ปัจจุบันมีสาขากว่า
4,000 แห่งทั่วโลก
อาร์ เดวิด โธมัส (เดฟ) คือผู้ที่ก่อตั้ง เวนดี้ส์ขึ้นมา เมื่อ 24 ปีที่แล้ว
หรือในปี ค.ศ. 1969 ในมลรัฐโอไฮโอเป็นแห่งแรก จากแนวความคิดที่ต้องการทำแฮมเบอร์เกอร์ให้ดีกว่าที่มีขายอยู่ในขณะนั้น
โดยเน้นไปในแนวของการทำอาหารแบบตำรับดั้งเดิม (OLD FASHIONED) และแบบที่ทำกันเองในบ้านโดยใช้ชื่อของลูกสาว
คือเวนดี้ส์มาเรียกขานกันและเป็นเครื่องหมายการค้า
"ก่อนหน้าที่เวนดี้ส์จะกำเนิดแฟรนไชส์ขึ้นมา อาหารประเภทแฮมเบอร์เกอร์
เป็นวิถีชีวิตของคนอเมริกาที่มีมาก่อนแล้ว แต่เดฟเองต้องการที่จะย้อนยุคไปในสมัยที่เขายังเป็นเด็กๆ
คือจะเน้นที่การให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพและรสชาติของอาหาร เนื้อที่จะนำมาใช้จะเป็นเนื้อสดไม่มีการแช่แข็ง
เพราะต้องการให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด เป็นความแตกต่างของเวนดี้ส์กับฟาสต์ฟู้ดตัวอื่นๆ
ซึ่งเป็นจุดขายของเวนดี้ส์มาตลอด" พิทักษ์เล่าถึงความแตกต่างแนวคิดพื้นฐานของผู้ให้กำเนิดเวนดี้ส์
นอกจากคุณภาพของอาหารแล้ว จุดขายของเวนดี้ส์ยังเน้นเรื่องความหลากหลายของรายการอาหาร
เพื่อให้บริการลูกค้าจะได้เลือกสั่งรองรับการมาเป็นกลุ่มใหญ่หรือเล็ก เวนดี้ส์มีรายการอาหารให้เลือกมากกว่า
หรือเน้นที่ว่าลูกค้าประจำเลือกอาหารได้โดยไม่จำเจ
ซึ่งมีทั้ง แฮมเบอร์เกอร์ เบอร์เกอร์ไก่ เบอร์เกอร์ปลา ไก่ทอด หัวมันฝรั่งอบ
ชิลลี่ สปาเกตตี้ สลัด ฟรอสตี้ แอปเปิลพาย
จนเวนดี้ส์ได้รับเลือกให้เป็นภัตตาคารยอดนิยมในประเภท แฮมเบอร์เกอร์ติดต่อกัน
14 ปี โดยนิตยสาร RESTAURANT & INSTITUTION แห่งสหรัฐอเมริกา
"เราไม่ได้คิดมาแข่งขันกับใคร เพราะตอนนี้ส่วนแบ่งในตลาดมันขยายตัวขึ้นมามาก
ทุกคนยังให้บริการรองรับตรงนี้ไม่เพียงพอ เราจึงเห็นว่ายังมีพื้นที่ที่พอจะเสริม
ให้ตลาดมันขยายตัวเพิ่มขึ้นไปอีก" พิทักษ์ ในฐานะผู้จัดการทั่วไปที่เข้ามาร่วมงานกับ
เวนดี้ส์เมื่อประมาณ ต้นปี 2536 ที่ผ่านมาอธิบายให้ฟัง
ในความเป็นจริงแล้ว ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในไทยถึงแม้จะมีมากมาย แต่มีเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดอยู่เพียงไม่กี่เจ้าอย่าง
แมคโดนัลด์ เคเอฟซี เบอร์เกอร์คิงส์ พิซซ่า ฯลฯ คนเหล่านี้เขาทำเต็มกำลังแล้วก็ยังให้บริการไม่เพียงพอ
เพราะคำว่าฟาสต์ฟู้ดนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดมาเป็นอันดับหนึ่งก็คือ ความสะดวก
รองลงไปคือคุณภาพ และความสะอาด คือต้องบริการลูกค้าที่ความสะดวกสบายเป็นหลัก
อย่างช่วงการเดินทางออกจากบ้าน หรือก่อนกลับบ้าน ถ้าอยากจะรับประทานจะต้องแวะเข้าไปได้ง่าย
แต่ในเมืองไทยยังไม่สามารถมารองรับบริการได้ทั้งหมด
ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องมาดูที่รสชาติด้วยว่าเป็นอย่างไรถูกใจคนไทยหรือไม่
?
"เวนดี้ส์เราเริ่มมาจากแฮมเบอร์เกอร์ เราก็คงยืนอยู่ที่แฮม แต่สิ่งที่เรามีเหนือกว่าคู่แข่ง
คือเรามีสปาเก็ตตี้ ไก่ทอด และอาหารสไตล์เม็กซิกัน อย่างชิลลี่ และหัวมันฝรั่งอบ
และมีจุดที่สำคัญคือ ของทุกอย่างจะถูกปรุงขึ้นหลังจากมีออร์เดอร์ลูกค้า โดยคีย์ผ่านจอคอมพิวเตอร์ไปยังระบบครัวของเรา
ที่เรียกว่า เซ็นทรัลกิลล์ ซึ่งเป็นคอนเซปท์ใหม่ของเวนดี้ส์" พิทักษ์
กล่าวถึงการให้บริการของเวนดี้ส์
เวนดี้ส์ไทยถูกกำหนดจากมาตรฐานจากต่างประเทศทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่ขั้นตอนของการเลือกสถานที่
ออกแบบสถานที่ การประกอบอาหาร และการบริการ
ขนาดของพื้นที่จะถูกกำหนดไว้ว่าจะต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 250 ตารางเมตร การออกแบบและวัสดุตกแต่งภายในร้านส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด
เพื่อต้องการรักษาภาพพจน์ที่ต้องเป็น "ยูเอส สแตนดาร์ด"
เป้าหมายของเวนดี้ส์ต้องการขยายให้มีสาขาครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของกรุงเทพฯ
จากที่เดอะมอลล์ธนบุรี เป็นแห่งแรกนั้น แห่งที่ 2 ยังคงถูกปิดเป็นความลับเพราะผลในแง่ของธุรกิจและความเหมาะสมในเวลานั้น
บอกแต่เพียงว่าอย่างน้อยภายในสิ้นปี 2536 จะต้องเปิดให้ได้อย่างน้อยอีก 1
สาขา โดยแต่ละสาขาจะใช้เงินทุนในการตกแต่งสถานที่ประมาณ 15 ล้านบาท ไม่รวมค่าพื้นที่
"เราเองยังไม่สรุปและกำหนดตัวเลขของการขยายสาขาไว้ เพราะจริงๆ แล้ว
ก็อยากจะเปิดให้มากสาขาและเร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะของการเจรจาในเรื่องของค่าเรียลเอสเตทด้วย
ว่าจะเหมาะสมเพียงใด"
เวนดี้ส์ได้วางกลยุทธ์ไว้ 3 ขั้นตอน คือ 1 การกำหนดตำแหน่งสินค้า คือเป็นสินค้าคุณภาพ
แล้วคุ้มต่อราคาและมีวาไรตี้ "จริงๆ แล้วทุกคนเขาก็วางสินค้าเช่นเดียวกันนี้คือเป็นสินค้าคุณภาพ
แต่เราเชื่อในตัวสินค้า ที่ได้รับการทดสอบที่เราควบคุมทุกอย่างออกมาเหมือนในอเมริกาทุกอย่างคือเป็นยูเอส
สแตนดาร์ด เพราะมีฝรั่งบินมาเช็คอยู่ตลอดเวลา" พิทักษ์ กล่าวอย่างมั่นใจ
2 ขั้นตอนของการตลาด คือจากที่ได้กำหนดตำแหน่งสินค้าว่าเป็นสินค้าคุณภาพและมีวาไรตี้นั้น
ในช่วงแรกจำต้องให้ความรู้แก่ผู้บริโภคให้เข้าใจในสินค้าแต่ละตัวเป็นหลัก
เพราะเวนดี้ส์ถือว่าเป็นของใหม่สำหรับแฟรนไชส์ในเมืองไทย ด้วยการพยายามทำให้คนมาลองชิม
และแนะนำวิธีการกินให้เข้าใจ
"เพราะคนไทยหากว่าไม่มีความคุ้นเคย ไม่เข้าใจวิธีแล้ว เค้าจะไม่เลือกซื้อ
มีความกลัวและอายสายตาคนอื่นๆ แล้วสิ่งที่เวนดี้ส์มีจุดที่ความหลากหลายก็เปล่าประโยชน์"
3 คือแผนการโปรโมทเป็นภาพรวมที่จะกำหนดการใช้สื่อ ซึ่งช่วงแรกนี้จะอยู่ที่การไดเร็กซ์ไปยังผู้บริโภคด้วยแผ่นพับ
และคำแนะนำต่อลูกค้าที่เข้ามาในร้าน หลังจากที่มีสาขาเพิ่มมากขึ้นก็จะออกไปยังสื่ออื่น
จนมีสาขามากพอที่จะใช้สื่อทีวีเป็นหลัก
"เราคิดว่าหากโหมในสื่อต่างๆ แล้วไม่มีสาขามารองรับมากพอให้ผู้บริโภคได้เข้ามาใช้บริการ
จะเป็นการทำลายภาพพจน์เรามากกว่า" พิทักษ์ กล่าว
เวนดี้ส์ในเมืองนอกได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สำหรับเมืองไทยยังต้องรอการพิสูจน์ว่าจะได้รับการต้อนรับหรือไม่
เพราะยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่าง ที่เวนดี้ส์ไทยต้องให้ความรู้แก่ผู้บริโภค
"เราเพิ่งเข้ามาเป็นคนล่าสุด คนอื่นๆ เขามาก่อนเรานานมาก 5 ปี 10 ปี
ซึ่งเราก็ตระหนักดีว่าจำต้องเร่งฝีเท้ามากขึ้น แต่สิ่งที่จะวัดกันก็คือการพิสูจน์ถึงรสชาติของสินค้า
เราเชื่อมั่นในสินค้าของเรามาก" พิทักษ์ กล่าวอย่างเชื่อมั่น