|
ซูเปอร์สปอร์ตทุ่ม90ล.ลุยศึก ปลื้มร้านรองเท้าฟิตติดลมบน
ผู้จัดการรายวัน(14 มีนาคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
เปิดแผนซูเปอร์สปอร์ต ตั้งหน้าตั้งตาขยายสาขาต่ออีก 10 สาขา หมายมั่นปั้น “ฟิต” ชอปเฉพาะรองเท้า รับการโตตลาดรองเท้าพุ่งต่อปีกว่า 30% พร้อมควัก 60 ล้านโฟกัสตลาดเฉพาะกลุ่ม เชื่อสิ้นปียอดรวมทะลุ 4 พันล้านบาท
นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด ผู้บริหารร้านซูเปอร์สปอร์ต บริษัทในเครือซีอาร์ซี เปิดเผยถึง บริษัทได้จัดงบประมาณไว้กว่า 90 ล้านบาท สำหรับดำเนินตามแผนงานของบริษัทในปี 2550 โดยจะใช้สำหรับการขยายสาขาประมาณ 10 แห่ง ทั้งในตัวกรุงเทพและเปิดตามหัวเมืองใหญ่ แบ่งเป็นรูปแบบของร้านซูเปอร์สปอร์ต ที่เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์เสื้อผ้าและรองเท้ากีฬา 5 แห่ง และร้าน"ฟิต"(Fit by supersports) ซึ่งเป็นร้านที่จำหน่ายรองเท้าโดยเฉพาะ และเป็นชอปที่แยกออกมาต่างหากอีก 5 แห่ง
โดยงบประมาณที่จะใช้สำหรับการเปิดร้านซูเปอร์สปอร์ตเต็มรูปแบบขนาดใหญ่พื้นที่มากกว่า 1,000 ตารางเมตร อยู่ที่ 10-15 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับทำเลเป็นปัจจัยสำคัญ ขณะที่ร้าน"ฟิต" (Fit by supersports) คาวด่าจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละประมาณ2-3 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 100-120 ตารางเมตร
ปัจจุบัน บริษัทฯจะมีจำนวนสาขารวมกว่า 55 สาขา แบ่งเป็นซูเปอร์สปอร์ต 50 สาขา และร้าน"ฟิต"(Fit by supersports) อีก 5 สาขา เมื่อหากดูจากแผนการขยาย 10 สาขาในปีนี้ คาดว่าสิ้นปีบริษัทฯมีจำนวนสาขาทั้งหมดเป็น 65 สาขา
“สาเหตุที่บริษัทฯเลือกที่จะขยายสาขา 2 รูปแบบนั้น บริษัทได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของกลุ่มธุรกิจกีฬาที่นับวันยิ่งจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ปีที่ผ่านมาการเติบโตรวมของบริษัทมีอยู่ 15% และโดยเฉพาะอัตราการเติบโตของกลุ่มรองเท้าในแต่ละปีมีสูงถึง 30% เฉลี่ยการซื้อรองเท้า ปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นบริษัทจะโฟกัสทำตลาดของร้านฟิตมากขึ้น เนื่องจากการเติบโตยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่ เมื่ออยู่ในช่วงวิกฤตช่วงนี้ โดยจะมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆเข้ามาทำตลาด”
ทั้งนี้กลุ่มสินค้าของบริษัทฯแบ่งได้เป็นรองเท้าแฟชั่น 50% และรองเท้ากีฬา 50% ขณะเดียวกันยังสามารถแบ่งได้เป็นสินค้าชายและหญิงในจำนวนเท่าๆกัน หรือมีรายการสินค้าทั้งหมดประมาณ 600 เอสเคยู โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่ชื่นชอบกีฬาและสนใจด้านแฟชั่น อายุอยู่ระหว่าง 13-30 ปี
นอกจากการขยายสาขาเพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นแล้ว บริษัทฯยังมองหาช่องทางสำหรับการทำตลาดเพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง โดยได้เพิ่มงบประมาณสำหรับทำตลาดในปีนี้เป็น 60 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมาที่ใช้อยู่ที่ 50 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯจะมุ่งการทำตลาดในรูปแบบของการทำบีโลว์เดอะไลน์ ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณไปกว่า 40 ล้านบาท สำหรับเจาะกลุ่มลูกค้ารักกีฬาโดยเฉพาะ เช่น การจัด “กอล์ฟ แฟร์ พลัส” ศูนย์รวมอุปกรณ์กอล์ฟ การจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจต่อลูกค้าซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจได้เป็นอย่างดี
นายณัฐ กล่าวต่อว่า แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่เราก็ยังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่องไม่หยุด พร้อมกับยังยืนยันอัตราการเติบโตเท่าเดิมที่ตั้งเมื่อต้นปีคือ 25-30% และตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้อยู่ที่4,000 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้อยู่ที่ 3,300 ล้านบาท จากตลาดรวมกีฬาที่มีมูลค่ามากกว่า 18,000 ล้านบาทในปีนี้
นอกจากนั้นหากพิจารณาดูจากสัดส่วนยอดขายของบริษัทฯ แล้วพบว่า รองเท้ามียอดขายสูงที่สุดคิดเป็นส่วนแบ่งรายได้กว่า 22% จากยอดขายรวมบริษัทฯ และมีการเติบโตมากกว่า 25% ตลอดมา รองลงมา คือ เสื้อผ้า มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 18% อันดับที่ 3 คือ กอล์ฟ มีสัดส่วนรายได้ 17 % ส่วนอันดับที่4. คือ เครื่องออกกำลังกาย คิดเป็นสัดส่วนที่ 15% และสุดท้ายอันดับที่ 5. คือ แร็คเก็ต มีสัดส่วนรายได้ 10% ที่เหลือเป็นสินค้าอื่นๆรวมกัน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|