รัฐหวั่นโฮปเวลล์ฟ้องกลับ เบรคโครงการบนตอม่อ


ผู้จัดการรายวัน(17 มีนาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

แฉรัฐหวั่นโฮปเวลล์ฟ้อง ติดเบรคลงทุนทางรถไฟยกระดับบนซากโครงการเดิม แขวนงบศึกษาออกแบบรายละเอียดเกือบ 2 ปี เผยล่าสุดตอม่อโฮปเวลล์เริ่มเสื่อมสภาพแล้ว 20 % ด้าน"สุริยะ"ยันโครงการจำเป็นแต่การดำเนินงานต้องรอบคอบยอมรับหากเรื่องฟ้องร้องยังไม่ชัดเจนดังนั้นต้องไม่ประมาท “ผู้ว่าฯรถไฟ”เชื่อหากรัฐลงทุนเองไม่มีปัญหาฟ้องร้องเผยโฮปเวลล์เกรงเอกชนรายอื่นเข้าสวมสิทธิ์ผลประโยชน์จากที่ดิน ด้านสนข.คาดได้งบออกแบบรายละเอียดเร็วๆ นี้ ยันโครงการเกิดตามนโยบายเพิ่มระบบรางให้คนกทม.

แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางรถไฟยกระดับ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หรือ โครงการโฮปเวลล์เดิมว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเสนอของบประมาณในการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้าง (Detail Design) ซึ่งได้เสนอเรื่องไปตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วจนถึงขณะนี้เกือบ 2 ปียังได้รับอนุมัติงบว่าจ้างที่ปรึกษาไม่ครบ ทำให้ยังไม่สามารถประมูลหาที่ปรึกษาได้ นอกจากนี้นโยบายที่ไม่ชัดเจนก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินโครงการล่าช้าด้วย

ทั้งนี้ผลกระทบที่เกิดตามมา คือการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ที่ไม่มีโครงการเกิดขึ้นตามแผน เนื่องจากเป้าหมายของโครงการคือ การก่อสร้างทางรถไฟยกระดับเพื่อลดจุดตัดกับถนน ลดปัญหาการจราจรและลดการสูญเสียด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ

แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้โครงการไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากรัฐไม่มีนโยบายที่ชัดเจนและจริงจังกับโครงการนี้ ซึ่งแม้แต่การมาตรวจเยี่ยมรถไฟของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ก็พุ่งเป้าไปที่ปัญหาการขาดทุนและการเพิ่มรายได้ ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็เน้นเรื่องการปราบทุจริต การลดค่าใช้จ่ายเป็นหลัก ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโครงการนี้ ทั้งๆ ที่เป็นโครงการที่สำคัญในการเชื่อมการเดินทางกทม.กับปริมณฑล

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าคนรถไฟคัดค้านแนวทางแก้ขาดทุน การปราบทุจริต แต่เห็นว่าเป็นงานปกติที่รัฐต้องดูแลอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ควรละเลยเรื่องการก่อสร้างโครงการต่างๆ ซึ่งไม่เฉพาะแต่โครงการทางยกระดับที่ล่าช้า แต่รวมไปถึงโครงการรถไฟทางคู่ด้วย เพราะทุกโครงการเป็นส่วนเพิ่มประสิทธิภาพของรถไฟ ที่ต้องเน้นบริการด้านการเดินรถโดยสารและรถสินค้าเป็นหลัก มากกว่าการหารายได้จากด้านอื่น

อ้างต้องรอบคอบ หวั่นถูกโฮปเวลล์ฟ้อง

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า นโยบายต้องการให้เร่งทำโครงการนี้โดยเร็ว เพราะต้องการจัดการตอม่อโครงสร้างเสาที่โฮปเวลล์ก่อสร้างไว้ให้เกิดประโยชน์ แต่ประเด็นที่เป็นข้อกังวล คือ ยังมีความกังวลว่าบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถูกรถไฟบอกยกเลิกสัญญาสัมปทานอาจจะกลับมาฟ้องร้องได้ ดังนั้นจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่ดำเนินโครงการ

ทางออกรัฐต้องลงทุน100%

นายจิตสันติ ธนะโสภณ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า รัฐต้องการให้ปรับโครงการโฮปเวลล์เป็นทางรถไฟยกระดับซึ่งได้ปรับลดวงเงินค่าก่อสร้างจาก 40,000 ล้านบาทลงตามนโยบายแล้ว ส่วนจะเดินหน้าโครงการต่อไปอย่างไรจะต้องรอให้มีการศึกษาออกแบบรายละเอียดก่อน อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกรงว่า โฮปเวลล์ จะกลับมาฟ้องร้องหากรถไฟเริ่มดำเนินโครงการใหม่นั้น ตนเห็นว่า โฮปเวลล์ไม่น่าจะฟ้องร้องอะไร หากรัฐเป็นผู้ลงทุนโครงการนี้ทั้ง 100% เนื่องจากโฮปเวลล์ไม่ต้องการให้เอกชนรายอื่นเข้ามารับสัมปทานในลักษณะเดียวกับที่เคยทำมา

สนข.ยันได้งบออกแบบเร็วๆนี้

ด้านนายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวยืนยันว่า นโยบายรัฐบาลต้องดำเนินการก่อสร้างโครงการนี้แน่นอน เพราะรัฐต้องการเพิ่มการขนส่งระบบรางจากปัจจุบันที่มีเพียง 3 % เป็น 30 % ซึ่งโครงการนี้มีโครงข่ายสายเหนือ สายใต้และสายตะวันออก ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักในการเดินทางภายในกทม.และเชื่อมต่อไปยังปริมณฑล โดยขณะนี้ ทางกระทรวงการคลังได้พิจารณาอนุมัติงบจาก SAL จำนวน 180 ล้านบาท สำหรับว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดเส้นทางสายเหนือ (บางซื่อ-รังสิต)ระยะทาง 22 กม. ส่วนงบกลางสำหรับศึกษาเส้นทางสายตะวันออก (บางซื่อ-หัวหมาก-สุวรรณภูมิ) ระยะทาง 34 กม. อีกประมาณ 300 ล้านบาท ก็คาดว่าจะได้รับอนุมัติเร็วๆ นี้

โดยในการออกแบบรายละเอียดจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนของตัวสถานี และเส้นทาง ซึ่งตัวสถานีจะออกแบบเสร็จก่อนภายใน 7-8 เดือนและจะเปิดประมูลหาผู้ก่อสร้างทันที ส่วนเส้นทางจะออกแบบเสร็จภายหลัง ทั้งนี้เพื่อให้ดำเนินโครงการได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ได้กำหนดหลักการคัดเลือกผู้ก่อสร้างโครงการว่า ต้องเป็นบริษัทคนไทย ใช้วัสดุภายในประเทศ อย่างน้อย 80% ที่เหลืออาจใช้วิธีเคาน์เตอร์เทรด และใช้โครงสร้างเดิมที่โฮปเวลล์ก่อสร้างไว้ จะนำมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด

เผยตอม่อโฮปเวลล์เสื่อม

นายคำรบลักขิ์กล่าวว่า ตัวเลขลงทุนโครงการเดิมคาดว่าประมาณ 40,000 ล้านบาท แต่ท่านนายกฯ ให้ปรับลดลงซึ่งอยู่ระหว่างทำประมาณการตัวเลขการลงทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะต้องเร่งรัดก่อสร้างโครงการให้เร็วที่สุด เนื่องจากโครงสร้างเสาที่โฮปเวลล์ก่อสร้างไว้แล้ว หากปล่อยไว้นานจะเสื่อมสภาพลง และนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ ซึ่งจากการสำรวจของวิศวกรล่าสุดพบว่า มีโครงสร้างที่สามารถนำมาใช้งานได้ขณะนี้ประมาณ 80% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท

"โครงการทางรถไฟยกระดับมีความจำเป็น นอกจากจะลดจุดตัดระหว่างรถไฟกับถนนแล้ว ยังทำให้การพัฒนาสถานีย่านบางซื่อ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมมีความเป็นไปได้ และเป็นการเพิ่มระบบรางในเมืองตามสายทางรถไฟยกระดับซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อโครงข่ายกับรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟใต้ดิน รฟม.ได้ นอกจากนี้ จะเกิดการจ้างงานภายในประเทศขึ้นด้วย"

สำหรับโครงการโฮปเวลล์นั้น กระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.ในฐานะคู่สัญญาฝ่ายรัฐได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานทั้งระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับและการใช้ประโยชน์จากที่ดินรถไฟ เมื่อปี 2541 เนื่องจากบริษัทไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการได้ตามกำหนดทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหายไม่สามารถแก้ปัญหาจราจรได้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.