"ไวไว"มั่นใจ3ปีเป็นแชมป์ ด้านฟอร์มีทิศทางอึมครึม


ผู้จัดการรายวัน(12 มีนาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ไวไวปรับภาพลักษณ์"ควิก"พร้อมขยายตลาด ใหม่ภาย ใต้แนวคิด "ควิก ขลุกขลิก น้ำนิดๆ จี๊ดจ๊าด...สะใจ" หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาด จาก 32% เป็น 38-39% และในปี 2549 เตรียมกวาดส่วนแบ่งตลาด 45% ครองแชมป์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ด้านสหพัฒน์เผยหลังซื้อฟอร์มีมาบริหารเองแล้ว บัดนี้ยังอึมครึม ไม่มีทิศทางชัดเจนรอสรุปผลปลายเดือนนี้ แต่ที่แน่นอนแล้วคือให้ ไอ.ซี.ซี เป็นผู้จัดจำหน่าย

นายสุชัย ตันติยาสวัสดิกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จ รูปได้ถึง 32% ในปี 2545 โดยปี 2541 ไวไวมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 17% เท่านั้น ทำให้ในปีนี้ จะเป็นปีทองของบริษัท ที่ยังคงรุกตลาดต่อไปด้วยสินค้านวัตกรรมใหม่ ที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์มากยิ่งขึ้น

สำหรับช่วงนี้บริษัทได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ "ควิก" ใหม่ ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยในภาพผู้หญิงแบบ 3 มิติ ที่ทันสมัยขึ้นเพื่อจับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และวัยเริ่มต้นทำงาน โดยได้ปรับไปแล้วเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

ส่วนเดือนมีนาคม บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ ควิก! ขลุกขลิก ถึง 4 รสชาติ คือ รสแกงเขียวหวานไก่ รสผัดเผ็ดทะเล รสกะเพราไก่ และรสลาบหมู ที่เปิดตัวใหม่ภายใต้แนวคิด ควิก ขลุก ขลิก น้ำนิดๆ จี๊ดจ๊าด...สะใจ ซึ่งเป็นการเปิดตลาด ใหม่ให้แก่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำ กับแห้ง

ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ใช้เวลากว่าหนึ่งปีศึกษาตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน จนทราบว่ามีกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่ชอบการรับประทาน บะหมี่แบบที่เรียกว่า "ขลุกขลิก" คือ การลดปริมาณน้ำในชามเพื่อให้มีรสชาติที่จัดจ้าน อร่อยเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเทรนการรับประ ทานบะหมี่แบบใหม่ของคนรุ่นใหม่

ซึ่งการเปิดตัว ควิก ขลุกขลิกในครั้งนี้ จะช่วยให้ไวไวสามารถขยายฐานตลาดใหม่ จากเดิม ที่มีเพียงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบน้ำ และแบบแห้ง ก็จะมีแบบขลุกขลิกเป็นตลาดใหม่เพิ่มเข้ามา และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ไวไวเพิ่มขึ้น โดยปี 2545 ไวไว มีส่วนแบ่งการตลาด 32% จากมูลค่าตลาดรวม 2,850 ล้านบาท แบ่งเป็นแบรนด์ไวไว 25% และควิก 7%

สำหรับในปีนี้คาดว่าตลาดรวมบะหมี่น่าจะเติบ โตเพิ่มขึ้น 5-7% หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 9,500 ล้านบาท โดยไวไวคาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้เป็น 38-39% คิดเป็นมูลค่ายอดขาย 3,100-3,200 ล้านบาท ในจำนวนนี้คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดของควิก ที่คาดว่าจะเพิ่มจาก 7% เป็น 10-12% ของตลาดรวม หลังจากที่ทำตลาด ควิก ขลุกขลิกแล้ว 1 ปี และบริษัทยังวางเป้าหมายว่าในปี 2549 จะมีส่วนแบ่งการตลาด 45% ซึ่งเชื่อว่าจะใกล้เคียงกับมาม่า และไวไวน่าจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้

"เราคิดว่าทิศทางที่ไวไวดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2541 ถูกทางแล้ว เพราะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ความแข็งแกร่งของทีมงาน การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆสู่ตลาดอยู่เสมอ จึงเชื่อว่าอีกไม่นานไวไวก็จะขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดได้" นายสุชัย กล่าว

ทั้งนี้ไวไว ยังเตรียมเปิดตลาดใหม่ด้วย พาสต้ากึ่งสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ไวไว ในช่วงไตรมาส ที่สองของปีนี้ เพื่อเพิ่มรายได้รวมให้แก่บริษัท ทั้งนี้เป็นเพราะปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกทดแทนด้วย โจ๊ก หรือข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูป ที่มีคู่แข่งหลายรายในตลาด ทำให้การเติบโตของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีไม่มากนัก

นายสุชัย ยังได้กล่าวถึงกรณีที่สหพัฒน์ ซื้อบะหมี่ฟอร์มี ไปทำตลาดเองว่า ไม่รู้สึกหนักใจเพราะว่าการรับรู้ในแบรนด์ของฟอร์มีที่ผ่านมาได้ถูกบั่นทอนลงด้วยปัญหาภายใน แต่เชื่อว่าภายใต้การบริการงานของสหพัฒน์คงจะสร้างกิจกรรมอะไรที่แปลกใหม่มากขึ้น เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และไม่ให้มากระทบกับแบรนด์ของมาม่า

"สำหรับช่วงนี้มาม่าคงไม่มีอะไรใหม่ นอก จากการนำสินค้าเก่ามารีลอนช์ใหม่เท่านั้น ซึ่งการที่ควิกออกรสชาติใหม่ เพื่อเปิดตลาดใหม่เชื่อว่าจะสร้างโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้" นายสุชัย กล่าว

บุญเกียรติชี้ฟอร์มียังอึมครึม

ทางด้านนายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรม การผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่น แนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มสหพัฒน์เป็นเจ้าของบะหมี่ฟอร์มีแล้ว 100% โดยมี 4 บริษัทที่จะเข้ามาถือหุ้นในบริษัท 4 พีเพิล ฟูดส์ จำกัด เจ้าของบะหมี่ฟอร์มี ประกอบด้วย บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) , บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) , บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูด จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) คาดว่า แต่ละบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน

"ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องทิศทางของฟอร์มี เพราะยังไม่มีข้อสรุประหว่างผู้บริหาร แต่ละบริษัท ซึ่งภายในเดือนนี้จะประชุมเพื่อหาแนวทางและกำหนดนโยบาย คาดว่าในสิ้นเดือน นี้น่าจะสรุปผลได้"

อย่างไรก็ตาม นายบุญเกียรติ กล่าวว่า การซื้อธุรกิจมาจากนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม และศิลปินดาราจากค่ายแกรมมี่นั้น ทางผู้บริหารของสหพัฒน์หลายคนมีความเห็นว่าจะซื้อมาเพื่อ หยุดทำตลาด แต่ตนเห็นว่า ฟอร์มีเป็นธุรกิจ ที่ยังไปได้ อย่างน้อยก็เป็นธุรกิจที่สหพัฒน์ทำมานานและมีความชำนาญ จึงน่าจะทำตลาด ต่อไป

"เราตัดสินใจเดินหน้าต่อ เพราะเป็นธุรกิจที่เราถนัด ซึ่งไม่ได้หวังว่าทำแล้วจะต้องมีกำไรมากมาย" นายบุญเกียรติ กล่าว

แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนด้านการบริหาร แต่ในเบื้องต้นไอ.ซี.ซี.ฯ จะเป็นผู้กระจาย สินค้าเช่นเดิม โดยขายผ่านโมเดิร์นเทรด ร้านค้า ร้านย่อยและซาปั๊ว ในขณะที่กลุ่มยี่ปั๊ว ยังไม่สามารถจำหน่ายได้เนื่องจากกลุ่มนี้จะขายเฉพาะ สินค้าที่ติดตลาดแล้ว หรือมียอดสั่งซื้อเข้ามาแล้วเท่านั้น

สำหรับสัญญาแต่งตั้งบริษัทจัดจำหน่าย ที่บริษัท 4 พีเพิล ฟูด จำกัด ในช่วงที่นาย ไพบูลย์ยังถือหุ้นอยู่ ได้แต่งตั้งให้ดีทแฮล์ม เป็นผู้จัดจำหน่ายฟอร์มี ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไปนั้น เมื่อฟอร์มีมาอยู่ในมือของ สหพัฒน์แล้วก็คงต้องยกเลิกสัญญากับดีทแฮล์ม ไปโดยปริยาย ส่วนกับบริษัทตัวแทนโฆษณาอย่าง เอส ซี แมชบอกซ์ นั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำ อย่างไรต่อไป

"วันนี้ผมต้องยืนยันว่าไอ.ซี.ซี.มีจุดแข็งเรื่องการจัดจำหน่าย และที่ผ่านมาเราวางตลาดฟอร์มีในช่วงแรกก็ทำได้ดี มีผลงานที่น่าพอใจ ซึ่งเราเข้าใจธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคดีว่า มันต้องค่อยเป็นค่อยไป จะไปหวังว่าเปิดตลาดมาแล้ววางตูมเดียวทั่วประเทศนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของผู้ถือหุ้นเดิมที่เขายังไม่เข้าใจธุรกิจนี้ดีพอ" นายบุญเกียรติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายบุญเกียรติให้ความมั่นใจว่า แม้ว่าในปัจจุบันคู่แข่งขันจะรุกตลาดมากขึ้น แต่มาม่าและฟอร์มี ก็ยังทานกระแสการแข่งขันนี้ไว้ได้ โดยเฉพาะการมีฟอร์มี เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งเชื่อว่าจะทำให้มาม่ารักษาความเป็นผู้นำในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อไปได้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.